ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่11เม.ย. "แข็งค่า"ที่ระดับ 33.55 บาทต่อดอลลาร์

11 เม.ย. 2568 | 11:31 น.
อัปเดตล่าสุด :11 เม.ย. 2568 | 11:41 น.

ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 สัปดาห์ที่ 33.54 บาทต่อดอลลาร์ กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 16-18เม.ย. ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.50-34.20 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่11เม.ย. "แข็งค่า"ที่ระดับ 33.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 สัปดาห์ที่ 33.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนช่วงปิดตลาดในประเทศ สอดคล้องกับภาพการแข็งค่าของสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย

ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ยังคงเผชิญแรงขายหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าที่คาด และความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยกระดับความตึงเครียดขึ้นตามอัตราภาษี Reciprocal Tarriff ที่ปรับขึ้นเพื่อตอบโต้กัน

สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,141 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 1,995 ล้านบาท 

ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 11 เมษายน 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -23.36 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -20.33 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 16-18เม.ย. ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.50-34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทิศทางค่าเงินหยวนและราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงผลการประชุม ECB และธนาคารกลางเกาหลีใต้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค ดัชนีราคานำเข้า/ส่งออก ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนมี.ค. ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนเม.ย. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/2568 และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมี.ค. ของจีน รวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซนและญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน