KBANKมองเงินบาทสัปดาห์หน้า-หลังอ่อนค่า3.3%ในรอบปี2565

31 ธ.ค. 2565 | 10:30 น.

ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทระหว่างวันที่ 2-6ม.ค.2566 ที่ระดับ 34.00-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ แนะติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. 65 ของไทย และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย

ภาพรวมในปี 2565 นั้น เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงประมาณ 3.3% มาที่ 34.56 บาทต่อดอลลาร์ฯ (ณ 30 ธ.ค. 2565) จากระดับปิดสิ้นปี 2564 ที่ 33.41 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยแรงกดดันด้านอ่อนค่าของเงินบาทส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565

 

ปัจจัยหลักๆ มาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ ตามทิศทางคุมเข้มนโยบายการเงินด้วยการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี เงินบาทเริ่มทยอยแข็งค่ากลับมาในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2565 หลังจากเฟดเริ่มส่งสัญญาณชะลอขนาดการปรับขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากความหวังที่จีนทยอยเปิดประเทศ

ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทระหว่างวันที่ 2-6ม.ค.2566 ที่ระดับ 34.00-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ 30 ธ.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.56 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 34.73 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (23 ธ.ค.)

KBANKมองเงินบาทสัปดาห์หน้า-หลังอ่อนค่า3.3%ในรอบปี2565

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 26-30 ธ.ค. 2565 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 19,559 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 18,570 ล้านบาท (ซื้อสุทธิ 18,645 ล้านบาท แต่มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 75 ล้านบาท)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. 65 ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดในจีน และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย

 

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนธ.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และบันทึกการประชุมเฟด นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของยูโรโซน และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนธ.ค. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษด้วยเช่นกัน