ทุนธนชาต กวาดกำไรไตรมาส 2 เฉียด 1.8 พันล้าน โตพุ่ง 71%

12 ส.ค. 2565 | 09:25 น.

ทุนธนชาต (TCAP) โชว์ผลการดำเนินงาน ไตรมาส 2/65 กำไร 1,772 ล้านบาท โต 71.04 % รวมงวดครึ่งปีแรกปี 2565 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 28.51% ผลมากจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยมีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่าง

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 2,122 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 1,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.04% จากไตรมาสก่อน

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)

ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2565 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 3,512 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 2,808  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.51% จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นอยู่มีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้บริษัทร่วมที่ TCAP เข้าไปลงทุนทั้ง ธนาคาร ทหารไทยธนชาต (TTB) และเอ็มบีเค (MBK) ต่างมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่มีทิศทางดีขึ้น ประกอบกับการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นตามการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ

 

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทนั้น

  • ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) มีกำไรเพิ่มขึ้น  8.13%  จากไตรมาสก่อน เป็นผลจากการขยายตัวได้เป็นอย่างดีของสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก และการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ธนชาตประกันภัย (TNI) มีกำไรเพิ่มขึ้น  3.11%  จากไตรมาสก่อน และมีเบี้ยประกันภัยรับในช่วงครึ่งปีแรกเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
  • เอ็มบีเค ไลฟ์ ประกันชีวิต ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ที ไลฟ์ ประกันชีวิต (T Life) มีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 67.96 จากไตรมาสก่อน ซึ่งเกิดจากการโอนกลับสำรองประกันชีวิตตามวิธี GPV จาก Zero Coupon Yield Curve ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ T Life ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและบริการทางการเงินอย่างต่อเนื่อง
  • ธนชาตพลัส (T-Plus) มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจและเติบโตขึ้นเป็นลำดับ โดยมียอดสินเชื่อคงค้างประมาณ 3,600 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีจะมียอดสินเชื่อคงค้างสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 4,000 ล้านบาทได้ ในขณะที่ NPL ยังคงเป็นศูนย์ จากการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมและมีประสิทธิภาพ
  • หลักทรัพย์ธนชาต (TNS) มีกำไรสุทธิลดลง  39.20%  จากไตรมาสก่อน จากภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงทั้งในเชิงปริมาณและความผันผวนของราคา

อย่างไรก็ตาม แม้ กำไรจะปรับตัวลดลงบ้างตามภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ TNS มีการเติบโตของรายได้อื่นที่ไม่ใช่รายได้ค่านายหน้าได้เป็นอย่างดี เช่น รายได้ค่าธรรมเนียมการให้บริการเกี่ยวกับแผนจัดสรรการลงทุน (ZEAL) และรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ และยังมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

               

“ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 ภาวะเศรษฐกิจอาจจะถูกกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ตามราคาพลังงาน ราคาวัตถุดิบ และราคาอาหารที่ปรับสูงขึ้น ตลอดจนการปรับเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากแรงขับเคลื่อนของทุกภาคส่วน ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยส่งเสริมให้ผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมและบริษัทย่อยสามารถเติบโตได้ต่อไป”นายสมเจตน์กล่าว