ภาวะเงินเฟ้อ หนุนความต้องการทองคำในไทยเพิ่มขึ้นแตะ 14%

03 ส.ค. 2565 | 09:02 น.

สภาทองคำโลกเผย ความต้องการทองคำทั่วโลก ไตรมาส 2 ดิ่ง 8% มาอยู่ที่ 948 ตัน เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ความต้องการทองในประเทศกลับสวนทาง พบผู้บริโภคในไทยต้องการทองเพิ่ม 14% แตะ 8.5 ตันเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากแรงหนุนแรงซื้ออัญมณีเพิ่มตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

Mr. Andrew Naylor ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกหรือ APAC (ไม่รวมประเทศจีน) ของสภาทองคำโลกเปิดเผยว่า ความต้องการทองคำของผู้บริโภคในไทย ไตรมาส 2/65 เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยเพิ่มจาก 7.5 ตัน เป็น 8.5 ตันในช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยแรงหนุนจากความต้องการอัญมณีที่สูงขึ้น 10% จาก 1.7 ตัน ในไตรมาส 2/2564 เป็น 1.9 ตัน ในไตรมาส 2/2565

Mr. Andrew Naylor ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาค APAC สภาทองคำโลก

ขณะที่ความต้องการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำพุ่ง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มจาก 5.7 ตัน ในไตรมาส 2/2564 เป็น 6.6 ตัน ในไตรมาส 2/2565 โดยการใช้เครื่องประดับได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การผ่อนคลายมาตรการด้านโควิด-19 และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว

“ครั้งนี้นับเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกันที่ เราได้เห็นความต้องการของอัญมณีในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ซึ่งมีสาเหตุมาจากราคาทองคำที่ลดลง รวมถึงความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับนักลงทุน ท่ามกลางปัญหาเงินบาทอ่อนค่าและความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ”Mr. Andrew กล่าว

 

 อย่างไรก็ตาม การผลิตเครื่องประดับทั่วโลกยังคงสูงกว่าการบริโภค เนื่องจากความต้องการในภาคส่วนนี้ยังคงต่ำกว่าในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด ซึ่งเมื่อพิจารณาจากภาพรวมของดีมานส์ทั่วโลกแล้วหลังจากที่มีกระแสความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นช่วงแรกในเดือนเมษายนราคาทองคำกลับปรับลดในไตรมาส 2/65 เนื่องจากนักลงทุนหันไปสนใจอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ราคาทองคำที่ลดลง 6% ในไตรมาสนี้ส่งผลกระทบต่อ ETF ทองคำ ทำให้เกิดการไหลออกที่ 39 ตัน ในไตรมาส 2 การไหลเข้าสุทธิในครึ่งปีแรกทั้งสิ้น 234 ตัน เทียบกับ 127 ตัน ของการไหลออกในครึ่งปีแรกของปี 2564  อย่างไรก็ตาม การลดลงในไตรมาส 2 มีแนวโน้มทำให้ ETF อ่อนลงในช่วงครึ่งปีหลัง หากภาพรวมเงินเฟ้อลดลงท่ามกลางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง

 

ความต้องการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำยังคงทรงตัวอยู่ที่ 245 ตัน เมื่อเทียบเป็นรายปี ในไตรมาส 2 ความต้องการที่เพิ่มขึ้นชี้ชัดว่ามาจากตลาดอินเดีย ตะวันออกกลาง และตุรกี ซึ่งช่วยพยุงในส่วนของความต้องการที่ลดลงของจีน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ดีมานส์ทองคำแท่งและเหรียญทองคำทั่วโลกจึงตกลงมาที่ 12% มาอยู่ที่ 526 ตัน ในครึ่งปีแรกเมื่อเทียบเป็นรายปี

ภาวะเงินเฟ้อ หนุนความต้องการทองคำในไทยเพิ่มขึ้นแตะ 14%

ในภาคอัญมณี ดีมานส์ทองคำในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 4% มาอยู่ที่ 453 ตัน เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของดีมานส์ในอินเดีย นับว่าเพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2564 ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในอินเดียช่วยลดแรงปะทะจากดีมานส์ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญกว่า 29% ในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักและจำกัดการใช้จ่ายของผู้บริโภค

 

ขณะที่ ธนาคารกลางต่างๆ นับเป็นผู้ซื้อสุทธิในไตรมาส 2 โดยเพิ่มทุนสำรองทางการทั่วโลกที่ 180 ตัน การซื้อสุทธิสูงถึง 270 ตันในครึ่งปีแรก ซึ่งสอดคล้องกับผลการสำรวจของธนาคารกลางเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ 25% ของผู้ทำแบบสอบถามชี้ถึงแผนที่จะเพิ่มการสำรองทองคำในอีก 12 เดือนข้างหน้า

 

เมื่อหันไปมองภาคเทคโนโลยี จะเห็นว่า ดีมานส์ทองคำลดลง 2% จากไตรมาส 2/2564 ที่ 78 ตัน ส่งผลให้ความต้องการในครึ่งปีแรกของปี 2565 ลดลงเล็กน้อยที่ 159 ตัน เมื่อเทียบเป็นรายปี ภาคอิเล็กทรอนิกส์ยังคงประสบปัญหากับการหยุดชะงักของสายการผลิต อีกทั้งความต้องการซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้บริโภคยังลดลง เนื่องจากวิกฤตค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยทั้งสองปัจจัยนี้มีผลต่อดีมานส์ที่ลดลงมาเล็กน้อยนี้