“วินโคสท์”คาดทั้งปี 65 เดินหน้าติดตั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 12 โครงการ

09 ก.ค. 2565 | 01:20 น.

“วินโคสท์”คาดทั้งปี 65 เดินหน้าติดตั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 12 โครงการ รับกระแสพลังงานสะอาดมาแรง จากวิกฤติราคาพลังงานพุ่ง ​

นายจักร จามิกรณ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สวนอุตสาหกรรม วินโคสท์ จำกัด(มหาชน) หรือ WIN เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจด้านพัฒนาพลังงานสะอาด ของบริษัทฯ ปีนี้คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้สูงขึ้นจากการเข้าไปพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งติดตั้งระบบบริหารจัดการพลังงาน พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา(โซลาร์รูฟท็อป

 

และจัดจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบ ภายในอาคาร  ให้กับภาครัฐ  เอกชน และสถาบันการศึกษา โดยในไตรมาส 2/2565 มีการเซ็นสัญญาไปแล้ว 3 โครงการ ประกอบด้วย 

 

  • งานติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาโรงเรียนวชิราวุธวิทยา
  • งานติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ในสถานนีททบ.5 และ บริษัท ฉะเชิงเทรา เพาเวอร์ จำกัด
  • งานติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ของ ททบ.5 เฟส 2-3 และสถานีเครือข่าย 
     

โดยคาดว่าทั้งปีบริษัทจะเข้าไปดำเนินการพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ได้ทั้งสิ้น 12 โครงการ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัททยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
​ 

 

“จากสถานการณ์ของรัสเซียและยูเครน ทำให้แนวโน้มการใช้พลังงานสะอาดเริ่มกลับเข้ามามีความต้องการสูงขึ้นในกลุ่มภาคการผลิตเพราะสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว"

 

วินโคสท์เดินหน้าติดตั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 12 โครงการ

 

 

นายจักร กล่าวต่อไปอีกว่า จากทิศทางและแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่มีสัญญาณการฟื้นตัวหลังจากที่รัฐบาลเปิดประเทศอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม ซึ่งส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจในปี 2565 คาดว่า จะทำให้บริษัทมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2564 ทั้งในกลุ่มการเช่าพื้นที่คลังสินค้าและ ธุรกิจการติดตั้งและพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์)

 

การส่งออกปี 2565 ที่ยังคงขยายตัวประกอบกับไทยมีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ทำให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะมีแรงผลักดันที่ดีขึ้นโดยคาดว่าทั้งปีจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาใช้บริการเช่าโรงงานในเขตปลอดอากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยโรงงานของบริษัทบนถนนบางนาตราด กม.52 จ.ฉะเชิงเทรา 

ซึ่งเป็นทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นประตู่สู่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี (EEC) ทำให้ที่ดินมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น บนทำเลถนนบางนา ตราด จึงมีศักยภาพจูงใจให้ผู้ประกอบการมาใช้บริการเช่าอาคาร โรงงานและคลังสินค้า ทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากการเช่าอาคาร โรงงาน และคลังสินค้า โดยปี 2565 มูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวปรับมูลค่าเป็น 1,101 ล้านบาท


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์การสู้รบในรัสเซีย-ยูเครนได้ส่งผลกระทบต่อระดับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นสูง สะท้อนผ่านค่าขนส่งต่างๆ ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้กระทบต่อต้นทุนการนำเข้า-ส่งออกภาพรวมแต่ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร (One Stop Service) ของบริษัทและทำเลที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางขนส่งทำให้ขณะนี้มียอดเช่าคลังสินค้าในเขตพื้นที่ปลอดอากร และพื้นที่ทั่วไป 75% ของพื้นที่ทั้งหมดและคาดว่าจะทยอยเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง