คลังเชื่อมระบบ ‘บัตรคนจน-แอปเป๋าตัง’ สร้างความเท่าเทียม

24 มิ.ย. 2565 | 09:23 น.

“คลัง” เดินหน้าเชื่อมระบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับแอปฯ เป๋าตัง หวังเพิ่มความสะดวกให้ผู้ได้รับสิทธิ พร้อมสั่งหารือรถร่วม และรถโดยสารสาธารณะในจังหวัดต่างๆ รับชำระค่าโดยสาร หวังสร้างความเท่าเทียมในการใช้สิทธิ ยันเปิดลงทะเบียนรอบใหม่เดือน ส.ค.นี้

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยความคืบหน้าการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน รอบใหม่ ว่า ล่าสุดได้มอบหมายในที่ประชุมคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 ไปศึกษาแนวทางการเชื่อมโยงระบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับ แอปพลิเคชั่นเป๋าตัง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ได้รับสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในการใช้จ่ายชำระค่าสินค้าและบริการ รวมทั้งหาแนวทางรองรับสำหรับผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนด้วย

คลังเชื่อมระบบ ‘บัตรคนจน-แอปเป๋าตัง’ สร้างความเท่าเทียม

ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ไปหารือแนวทางร่วมกับผู้ให้บริการรถโดยสารสาธารณะของเอกชน หรือ รถร่วมในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ให้ผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถใช้จ่ายค่าบริการรถโดยสารได้ รวมทั้งขยายไปยังบริการรถโดยสารสาธารณะของแต่ละจังหวัด ที่วิ่งให้บริการเฉพาะในจังหวัดด้วย เช่น รถแดง ที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น

นายสันติกล่าวอีกว่า คนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่อยู่ในกรุงเทพ จะสามารถนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปใช้ขึ้นรถเมล์ได้ ในขณะที่คนต่างจังหวัดยังใช้ไม่ได้ ทำให้เสียประโยชน์ส่วนนี้ไป แม้จะนำไปใช้ขึ้นรถ บขส. หรือรถไฟได้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีการเดินทางข้ามจังหวัดตลอด ดังนั้นก็ต้องทำให้การใช้สิทธิฯ ของแต่ละคนในแต่ละพื้นที่มีความเสมอภาคกันด้วย

 

“ให้คณะกรรมการฯ ไปหารือร่วมกับสถาบันการเงิน ถึงแนวทางในการเชื่อมโยงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กับแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง และในการชำระค่าโดยสาร ก็อาจใช้แนวทางเดียวกับโครงการคนละครึ่ง ที่ใช้คิวอาร์โค้ด เพราะหากใช้เครื่องรูดบัตร EDC ก็จะเป็นต้นทุนของผู้ประกอบการอีก ก็อาจจะไม่มาร่วมมือกับเรา ก็ให้ไปดู ไปทำให้เทคโนโลยีเชื่อมโยงกัน และให้คณะกรรมการฯ มารายงานความคืบหน้าให้เร็วที่สุด” นายสันติกล่าว

นายสันติกล่าวอีกว่า สำหรับการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบ ใหม่ จะให้มีการลงทะเบียนผ่านธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคาร ธ.ก.ส. ซึ่งระบบทั้งหมดจะมีความพร้อม และจะสามารถเปิดให้ลงทะเบียนได้ตามแผน คือ ในช่วงเดือนสิงหาคม 2565 แน่นอน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ได้รับสิทธิจากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ จะเริ่มใช้สิทธิได้ในเดือนตุลาคม 2565 โดยจะใช้บัตรประชาชน แทนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่จะหมดอายุในเดือนกันยายน 2565 โดยกระทรวงการคลังคาดว่า จะมีประชาชนลงทะเบียนร่วมโครงการฯ ประมาณ 20 ล้านคน โดยเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรํฐเดิมที่มีอยู่ประมาณ 13 ล้านคน และผู้ได้รับสิทธิรายใหม่

คลังเชื่อมระบบ ‘บัตรคนจน-แอปเป๋าตัง’ สร้างความเท่าเทียม

สำหรับโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของการจัดสวัสดิการสังคมและการให้เงินช่วยเหลือของภาครัฐ ที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจนในสังคมไทยและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน รวมทั้งช่วยให้ภาครัฐมีฐานข้อมูลของประชาชนผู้มีรายได้น้อยเช่น รายได้ ทรัพย์สิน หนี้สิน  เพื่อนำไปกำหนดนโยบายจัดสวัสดิการสังคมและการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

 

ทั้งนี้ การลงทะเบียนรอบใหม่ในปี 2565 เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการระบุตัวผู้มีรายได้น้อยและมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบันรวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรสวัสดิการของภาครัฐ โดยได้ปรับเกณฑ์คุณสมบัติเช่น จากเดิมที่พิจารณารายได้เป็นรายบุคคลไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปีแล้วจะเพิ่มรายได้เฉลี่ยของครอบครัวด้วย โดยกำหนดรายได้ต่อหัวไม่เกิน 100,000 บาท และยังกำหนดเงื่อนไขใหม่ที่ผู้ลงทะเบียนต้องไม่มีการถือครองบัตรเครดิต ไม่มีหนี้สินบ้านราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และไม่มีหนี้สินยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาทด้วย

 

 

ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ผู้ลงทะเบียน ต้องไม่มีกรรมสิทธิ์หรือมีกรรมสิทธิ์ในเวลาใดเวลาหนึ่งต้องเป็นไปตามเกณฑ์คือ ถ้าเป็นบ้านพร้อมที่ดิน กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว บ้าน/ทาวเฮ้าส์ ต้องไม่ไม่เกิน 25 ตารางวา ห้องชุด ไม่เกิน 35 ตารางเมตร กรณีอยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ หรือใช้ประโยชน์เพื่อการอื่น ไม่เกิน 1 ไร่ ส่วนที่ดิน กรณีใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อการอื่น ไม่เกิน 1 ไร่

 

นอกจากนั้นยังเพิ่มอสังหาฯ ของผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัว ต้องไม่มีหรือถ้ามีกรรมสิทธิ์ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขคือ บ้านพร้อมที่ดิน กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว ผู้ลงทะเบียน-คู่สมรสที่มีมีบ้าน/ทาวเฮ้าส์แยกกัน แต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา  กรณีที่มีบ้าน/ทาวเฮ้าส์ร่วมกัน รวมกันไม่เกิน 25 ตารางวา ส่วนกรณีมีห้องชุด แยกกัน แต่ละคนไม่เกิน 35 ตารางเมตร ถ้ามีห้องชุดร่วมกัน รวมไม่เกิน  35 ตารางเมตร

 

กรณีอยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 20 ไร่ เพื่อการอื่น ไม่เกิน 2 ไร่ และหากมีที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย ถ้าใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องไม่เกิน 20 ไร่ และเพื่อการอื่น ไม่เกิน 2 ไร่

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,795 วันที่ 26 - 29 มิถุนายน พ.ศ. 2565