"กอบศักดิ์" ถอดรหัสประธานเฟดเปลี่ยนไป

16 มิ.ย. 2565 | 04:22 น.

"กอบศักดิ์" ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) วิเคราะห์ท่าที "ประธานเฟด" เปลี่ยนไป ไม่กล้าฟันธง สารภาพ โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะ soft landing ยากขึ้นจากปัจจัยที่ไม่สามารถคุมได้ คาดเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยช่วงที่เหลือปีนี้อีก1.75% เพื่อคุมเงินเฟ้อ-รักษาระดับว่างงาน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) แสดงความเห็นผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัว วันนี้ ( 16 มิ.ย.) โดยวิเคราะห์ท่าทีของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการแถลงครั้งล่าสุดว่า "เปลี่ยนไป" ไม่กล้าฟันธงและโทษสิ่งอื่นๆที่ทำให้โอกาสเศรษฐกิจสหรัฐที่จะ soft landing แคบลง ทั้งนี้ประธานเฟด ยังประเมินว่าระดับดอกเบี้ยนโยบายที่จะควบคุมเงินเฟ้อได้ ต้องอยู่ระดับ 3.5 - 4.0%  จึงมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก1.75% ในช่วง 4 ครั้งที่เหลือของปีนี้สู่ระดับ 3.40% 

 

เนื้อความระบุดังนี้


สุ้มเสียงและสำเนียงที่เปลี่ยนไป !!!
เมื่อคืนนี้ ฟังการแถลงข่าวของท่านประธานเฟด หลังออกผลประชุม อธิบายการขึ้นดอกเบี้ย แนวโน้มการดำเนินการในช่วงต่อไป และให้มุมมองต่างๆ ของคณะกรรมการ โดยรวมแล้วถือว่าเป็นไปตามคาด

 

สุดท้าย ตลาดปรับตัวเหวี่ยงไม่มากนัก 

 

Dow Jones +303.7 จุด หรือ +1%
Nasdaq +270.8 จุด หรือ +2.5%
US 2Y Bond -0.24%
US 10Y Bond -0.19%
USD index ลดลง -0.654 มาที่ 104.864
Bitcoin เท่าๆ เดิม ก่อนที่ปรับดีขึ้นในช่วงเช้านี้

 

พูดง่ายๆ แม้ว่าจะขึ้นแรงที่ 0.75% แต่ตลาดได้รับข่าวไปมากแล้ว และความจริงดูจากการปรับตัวของดอกเบี้ยพันธบัตรในตลาด ผลการประชุมที่ออกมา ใช้ยาแรงน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ประมาณ 0.25% 

 

ด้วยเหตุนี้ ตลาดหุ้นจึงดีขึ้นเล็กน้อย ค่าเงินสหรัฐอ่อนลงนิด 

แต่ที่น่าสนใจที่สุด ก็คือ สุ้มเสียงและสำเนียงต่างๆ ในการถามตอบกับนักข่าว 17 ข้อ หลังจากนั้น

 

ด้านนักข่าว เข้มขึ้น รุนแรงขึ้น ถามกดดันมากขึ้น สีหน้าไม่ค่อยเชื่อถือมากขึ้น

 

ด้านท่านประธานเฟด ไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนเองพูด พูดหลบไปมา กว้างๆ ไม่ฟันธงเหมือนก่อนหน้า และโทษสิ่งอื่นๆ ที่เฟดไม่สามารถควบคุมได้ 

 

ที่สำคัญที่สุด ท่านประธานเฟดสารภาพว่า "โอกาสหรือ Path to soft landing" ได้แคบลงและยากขึ้นมาก แต่บอกว่า เฟดจะพยายามให้ดีที่สุด แต่ทุกอย่างขึ้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในโลก ที่เฟดควบคุมไม่ได้ อาจจะมีสิ่งที่ทำให้โอกาส soft landing ดังกล่าว out of our hands

 

กระทั่งในการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไป ก็ไม่กล้าฟันธงว่าจะเอาอะไร เหมือนครั้งก่อนที่กล้าพูดว่า "ไม่มี 0.75% และจะขึ้น 0.5% อีก 2-3 ครั้ง"

 

ในรอบนี้บอกแบบ save ตนเองเพียงว่า "ครั้งหน้าอาจจะ 0.5% หรือ 0.75% ขึ้นกับข้อมูลที่ออกมา" แต่ท่านไม่คิดว่าการขึ้นครั้งละ 0.75% จะเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดเป็นประจำ     

 

ทั้งนี้ หากเราดูเร็วๆ จาก Dot Plot การที่ดอกเบี้ยจะไปจบที่ 3.4% ปีนี้ เมื่อนับจากระดับล่าสุดดอกเบี้ยนโยบายล่าสุดที่ 1.5%-1.75% หมายความว่า เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยไปอีก 1.75% ในการประชุมที่เหลืออีก 4 ครั้ง โดยขึ้น 0.5% อีก 3 ครั้ง และจบลงด้วย 0.25% ตอนการประชุมงวดสุดท้ายของปี  
สำหรับ highlight จริงๆ ที่ถูกถามถึง ก็คือ ตัวเลขการว่างงานที่เฟดประมาณการไว้ในภาพด้านล่างว่า

 

ปีนี้ อัตราการว่างงานจะอยู่ที่ 3.7%
ปีหน้า จะเพิ่มเป็น 3.9%
ปีถัดไป จะเป็น 4.1%

 

ทำให้นักข่าวหลายคนเจาะถามว่า "เฟดตั้งใจจะทำให้คนตกงานใช่ไหม" และเฟดจะทำให้เกิด Recession เพื่อควบคุมเงินเฟ้อใช่ไหม

 

ซึ่งท่านก็ตอบว่า แม้คนจะตกงานเพิ่มขึ้น แต่ 4.1% ก็ถือว่าต่ำมากมาก เมื่อเทียบกับปกติของสหรัฐ

ซึ่งตรงนี้ เมื่อไปดูข้อมูลประกอบจะพบว่า กรรมการบางคนคิดว่า อัตราการว่างงานปีหน้าอาจจะขึ้นไปสูงถึง 4.2-4.5% ด้วยซ้ำไป

 

สำหรับคำถามอื่นๆ ที่ถามนั้น ขอตัดเอามาให้ฟังเป็นตัวอย่าง

 

  • ครั้งที่แล้วท่านบอกว่าจะขึ้น 0.5% ในเดือนมิถุนายนและกรกฏาคม ทำไมจึงเปลี่ยนใจครั้งนี้
  • ขึ้น 0.75% ดีกว่าขึ้น 0.5% อย่างไร และจะขึ้น 1.0% ในอนาคตหรือไม่
  • ดอกเบี้ยที่เฟดจะขึ้นไปจนแตะ 3.8% ช่วงปีหน้า จะสูงพอที่จะเอาเงินเฟ้ออยู่หรือไม่ (ท่านประธานเฟดตอบว่า 3.5-4.0% น่าจะพอ และท่านก็บอกว่า เราจะรู้ว่าพอเปล่า เมื่อเราไปถึงจุดนั้น !!!) 
  • มีอะไรในข้อมูลเศรษฐกิจ และการคาดการเงินเฟ้อที่ต่างไปจากเดิม จนท่านต้องยอมเสียชื่อ และความมั่นใจของตลาด โดยกลับคำพูดว่าไม่มี 0.75% 
  • และเมื่อถูกถามกดดันต่อว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงในข้อมูลอีกรอบ ก็จะหมายความว่า ท่านอาจจะขึ้น 0.75% หรือ 1.0% ในการประชุมครั้งหน้า ซึ่งท่านประธานเฟดก็บอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ทุกอย่างจะขึ้นกับข้อมูล โดยไม่ฟันธงอะไรทั้งสิ้น
  • ถ้าข้อมูลออกมาอีกด้าน ท่านจะลดอัตราการขึ้นดอกเบี้ยได้ใช่หรือไม่ ซึ่งท่านก็บอกว่า เฟดจะดูจนกระทั่งเงินเฟ้อลดลงมา ต่อเนื่องหลายเดือน ก็จะถือว่า เริ่มได้ผล และจะคิดเรื่องการลดการขึ้นดอกเบี้ย และสุดท้ายเงินเฟ้อก็ต้องลงมา

 

โดยท่านประธานเฟดย้ำว่า "Worst mistake is to fail" ในการควบคุมเงินเฟ้อ หมายความว่า ต่อให้พลาดทำให้เศรษฐกิจถดถอยก็รับได้   

 

นอกจากนี้ ท่านประธานเฟด เริ่มโทษสงครามรัสเซีย ยูเครน เริ่มโทษจีนที่ปิดเมือง เริ่มโทษสิ่งต่างๆ ราคาน้ำมัน ราคาอาหารที่ท่านไม่สามารถคุมได้ และกำลังทำให้ท่านอาจจะไม่สามารถ soft landing

 

จากเดิมที่ท่านบอกว่า ท่านเอาเงินเฟ้ออยู่ และน่าจะ soft landing ได้
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือ สีหน้า ท่าทางของท่านประธานเฟด เวลาตอบ
และสีหน้า ท่าทางของนักข่าว เวลาได้ยินคำตอบ !!!