BIS เปิดเทรดวันแรก 11 บาท เหนือจอง 83% ราคาแตะสูงสุด 11.30 บาท

05 พ.ค. 2565 | 04:25 น.

หุ้นบมจ.ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ (BIS) เปิดเทรดในตลาด mai วันแรก 11.00 บาท ราคาเหนือไอพีโอ 83% แตะระดับสูงสุดที่ 11.30 บาท 

 

การเคลื่อนไหวของหุ้น บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด(มหาชน) หรือ BIS เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ( mai) วันนี้ (5 พ.ค.65 ) เปิดตลาดที่ 11.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ 83.3% จากราคา IPO ที่ 6.00 บาท

 

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.05 น. หุ้น BIS อยู่ที่ระดับ 10.10 บาท เพิ่มขึ้น 4.10 บาทหรือ +68.33% ราคาสูงสุดแตะระดับ 11.30 บาท ต่ำสุดที่ 9.75 บาท โดยมีมูลค่าซื้อขาย 1,212 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ BIS และบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจผลิต นำเข้าและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ เครื่องมือ อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงโดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตหรือขึ้นทะเบียนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

 

โดยมีการนำเข้าจากผู้จัดจำหน่ายชั้นนำกว่า 13 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และจีน เป็นต้น ปัจจุบันมีสินค้าจัดจำหน่ายกว่า 470 รายการ แบ่งเป็น 6 กลุ่ม และมีสัดส่วนรายได้ในปี 2564 ดังนี้

 

  • 1) กลุ่มผลิตภัณฑ์รักษาและป้องกันโรคสำหรับสัตว์ (Animal Health) สัดส่วนรายได้ 27%
  • 2) กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินสำหรับสัตว์ (Nutrition) สัดส่วนรายได้17%
  • 3) กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการวินิจฉัยโรค (Diagnostic) สัดส่วนรายได้ 22%
  • 4) กลุ่มวัตถุดิบอาหารสัตว์ (Ingredient) สัดส่วนรายได้ 15%
  • 5) กลุ่มอาหารเม็ดสำเร็จรูป (Complete Feed) สัดส่วนรายได้18% และ
  • 6) ผลิตภัณฑ์อื่น สัดส่วนรายได้ 1%

 

โดยมีกลุ่มลูกค้าสำหรับปศุสัตว์ ได้แก่โรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์มปศุสัตว์และร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ และกลุ่มลูกค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง ได้แก่ โรงพยาบาลและคลินิกรักษาสัตว์ ร้านจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง และร้านค้าปลีกสมัยใหม่

     

ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทจัดจำหน่าย  มีทั้งผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์สินค้าของคู่ค้า ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์สินค้าของบริษัทโดยเป็นการว่าจ้างผลิต และผลิตภัณฑ์ที่บริษัทผลิตภายใต้แบรนด์สินค้าของบริษัทเอง โดยในปี 2564 มีสัดส่วนรายได้เท่ากับ 81 : 17 : 2 ตามลำดับ

 

BIS มีทุนชำระแล้ว 157 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 220 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 94 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 70.5 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 14.1 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อบุคคลผู้มีความสัมพันธ์ และพนักงานของบริษัท 9.4 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 25 - 28 เมษายน 2565 ในราคาเสนอขายหุ้นละ 6 บาท

คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 564 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,884 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 27.45 เท่า

 

โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง (1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ) ซึ่งเท่ากับ 68.63 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.22 บาท มีบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

     

โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ BIS หลัง IPO ประกอบด้วยผู้ถือหุ้น คือ บริษัท บีไอเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 33.03% และนายสัตวแพทย์ ธนวัฒน์  คงเจริญสมบัติ ถือหุ้น 8.87% บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินรวมบริษัทและบริษัทย่อย (Consolidated) และพิจารณาร่วมกับงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทฯ

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทรีนิตี้ ระบุในบทวิเคราะห์  ประเมิน Fair value ของหุ้น BIS สิ้นปี 65 ที่ 7.61 บาทต่อหุ้น ด้วยวิธี P/E Ratio ที่ 20 เท่า ซึ่งเป็นระดับ Forward PE เฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกันแบบ Conservative บนคาดการณ์ EPS ปี 65 ที่ 0.38 บาทต่อหุ้น
         

คาดรายได้ปี 65 และปี 66 จำนวน 2,464 ล้านบาท และ 3,000 ล้านบาท ตามลำดับ โดยคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปี 64-66 ราว 23.3% ต่อปี ปัจจัยหนุนจากทุกเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะโครงการขยายกลุ่ม Nutrition Product ได้แก่ โครงการผลิตวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเร่งสารอาหารในอาหารสัตว์ภายใต้แบรนด์ Nutrimix ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัท ที่ปัจจุบันได้ว่าจ้างการผลิตจากผู้ผลิตสินค้าภายนอก (OEM) และโครงการผลิตสารทดแทนน้ำมันในอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เคยจำหน่ายมาก่อน 

ประกอบกับคาดการณ์ว่าสินค้ากลุ่มเพื่อการวินิจฉัยโรคสำหรับสัตว์ (Diagnostic) จะมียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการที่บริษัทเริ่มจำหน่ายชุดตรวจโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF) และอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19
         

อัตรากำไรขั้นต้นปี 65-66 คาดว่าอยู่ที่ 18.2% และ 18.5% ตามลำดับ ปัจจัยหนุนจากโครงการขยายกลุ่ม Nutrition Product โดยเฉพาะ โครงการผลิตวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเร่งสารอาหารในอาหารสัตว์ภายใต้แบรนด์ Nutrimix แทนการจ้างผลิต จึงคาดว่าจะช่วยเร่งอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้นตั้งแต่ปี 65
         

ประมาณการกำไรสุทธิปี 65-66 จำนวน 120 ล้านบาท และ 165 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปี 64-66 ราว 23.3% ต่อปี คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิต่อยอดขาย 4.9% และ 5.5% ตามลำดับ