“โกลเบล็ก” คัด 6 หุ้นเด่นอานิสงส์ค่าบาทอ่อน

26 เม.ย. 2565 | 10:31 น.

บล.โกลเบล็ก (GBS) ชี้ หุ้นไทยปรับตัวตามตลาดต่างประเทศ เหตุกังวลเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ให้กรอบดัชนี 1,650-1,700 จุด แนะลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนตัว TU- CFRESH -ASIAN -DELTA -KCE -SMT

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวตามทิศทางตลาดต่างประเทศ จากการที่นักลงทุนวิตกว่า เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) โกลเบล็ก จำกัด

 

ทั้งนี้ S&P โกลบอลเปิดเผยว่า PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.1 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนจากระดับ 57.7 ในเดือนมี.ค. ขณะที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อเป็นปัจจัยกดดันต้นทุนพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,650-1,700 จุด

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง อาทิ

  • การรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
  • การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ครั้งที่ 3/65 ในเดือนพ.ค.
  • สถานการณ์ต่างประเทศ เช่น สหรัฐรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค.
  • ราคาบ้านเดือนก.พ.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์
  • ยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค.
  • ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.
  • ดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.
  • สหรัฐ เปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค. 
  • สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ 
  • จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
  • ตัวเลข GDP 1Q65 (ประมาณการเบื้องต้น) ของสหรัฐ

 

“โกลเบล็ก” คัด 6 หุ้นเด่นอานิสงส์ค่าบาทอ่อน

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนตัว ได้แก่ TU, CFRESH ,ASIAN, DELTA, KCE และ SMT

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็กกล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ต้องจับตาประกาศตัวเลข GDP งวด 1Q65 ของสหรัฐว่า จะชะลอตัวลงหรือไม่ อีกทั้งประกาศตัวเลขเงินเฟ้อส่วนบุคคล Core PCE ซึ่งคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นต่อสอดคล้องกับภาพรวมของเงินเฟ้อของสหรัฐ อาจผลส่งให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังทรงตัวระดับสูงต่อไปได้

 

อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยประเมินว่าเงินเฟ้อสหรัฐอาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ WTI เฉลี่ยในเดือนเมษายน 65 อยู่ที่ 100 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าเดือนมีนาคม 65 ที่ราคาน้ำมันดิบทรงตัวเหนือ 110 เหรียญต่อบาร์เรลเป็นระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ และล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 25 เม.ย. 65 ราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงหลุดระดับ 100 เหรียญต่อบาร์เรล

 

ขณะที่เฟดมีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น กล่าวคือ เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% และลดขนาดงบดุล เป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในระยะถัดไป มุมมองคาดการณ์ว่าราคาทองคำแกว่งตัวออกข้างในกรอบ 1,900-1,975$/oz ไม่ผ่านแนวต้านให้เทขายทำกำไร ย่อตัวลงไม่หลุดแนวรับให้ทยอยสะสม