หุ้นไทยสดใส ปิดพุ่ง 23.56 จุด ตามตลาดหุ้นเอเชีย

16 มี.ค. 2565 | 10:53 น.

ตลาดหุ้นไทยสดใสตามตลาดหุ้นเอเชีย ยืนอยู่ในแดนบวกทั้งวัน ตอบรับจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังต้องล็อกดาวน์ หลายเมือง หนุนเศรษฐกิจโลกไม่ให้ชะลอตัว

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ระบุว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ ในตลาดหลักทรัพย์ วันนี้สดใสทั้งวัน โดยดัชนีเปิดการซื้อขายเพิ่มขึ้นทันที 20 จุดตามตลาดหุ้นในเอเชียที่ตอบรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ส่งผลให้การซื้อขายหุ้นไทยยืนในแดนบวกทั้งวัน โดยดัชนีปรับขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 1,668.95 เพิ่มขึ้น 24.59 จุดก่อนจะอ่อนตัวลงเกน้อยมาปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,667.92 จุด เพิ่มขึ้น 23.56 จุด หรือ 1.43%  มูลค่าการซื้อขาย 78,168.02 ล้านบาท

 

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 1,466 หลักทรัพย์ ลดลง 493 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 436 หลักทรัพย์

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

  • KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,834.51 ล้านบาท ปิดที่ 162.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
  • PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 4,377.47 ล้านบาท ปิดที่ 147.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
  • KCE มูลค่าการซื้อขาย 2,427.76 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท
  • CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,240.21 ล้านบาท ปิดที่ 67.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
  • BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,669.37 ล้านบาท ปิดที่ 25.25 บาท ลดลง 0.75 บาท

 

ส่วนการซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มพบว่า บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 463.45 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 6,134.77 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 341.19 ล้านบาทและนักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 6,257.03 ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.-16 ม.ค.แล้ว 90,368.08 ล้านบาท

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บริษัทหลักทรัพย์(บล.) บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย จากปัจจัยหนุนเพิ่มเติมมาจากการที่จีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากมีการล็อกดาวน์หลายเมือง เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุน sentiment เพราะมองว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกไม่ให้ชะลอตัวลงไปมาก

ายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล. บัวหลวง

 

ขณะที่ตลาดหุ้นไทย มีการเวียนกลุ่มเล่น โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับแรงกดดันและมีแรงขายออกมามากในช่วงที่ผ่านมา ทั้งกลุ่มแบงก์ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นของดัชนีในวันนี้ด้วย

 

ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ขึ้นกับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หากออกมาเป็นไปตามคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มองว่าดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นต่อ แต่หากมีเซอร์ไพรส์ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% จะกดดันให้ดัชนีปรับตัวลง แต่ยังต้องติดตามคาดการณ์เงินเฟ้อและการเดินหน้าลดขนาด QE ด้วย