"เกรียงไกร ศิระวณิชการ"แจงตกเป็นแพะ ขายหุ้นA5 ทำราคาดิ่ง

14 มี.ค. 2565 | 06:15 น.

"เกรียงไกร ศิระวณิชการ" อดีตประธานบอร์ด A5 เคลียร์ข้อกล่าวหาทุกประเด็น แจงขายหุ้นเพียง 32 ล้านหุ้น คิดเป็น 3% ไม่มีผลต่อราคาตลาด ส่วนที่เหลือ 270 ล้านหุ้น พร้อมขายผ่านผู้ซื้อโดยตรงหากให้ราคาดี แย้มเตรียมซื้อกิจการเพื่อฟื้นฟู คาดสรุปเร็ว ๆ นี้

จากข่าวนายเกรียงไกร ศิระวณิชการ อดีตประธานกรรมการและผู้หุ้นใหญ่อันดับ 2 บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 ได้ขายหุ้นออกจำนวน 32 หุ้นในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 4.65 บาท เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมาและยังเป็นขายในวันเดียวกับที่ A5 เพิ่งกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก  ท่ามกลางราคาที่ผันผวนรุนแรง โดยราคาหุ้น A5 เมื่อวันที่ 7 มี.ค.65 เปิดที่ 9 บาท สูงกว่าราคาปิดครั้งสุดท้ายก่อนถูกห้ามการซื้อขายที่ 1.50 บาท และลงต่ำสุดที่ 1.75 บาท สูงสุดที่ 9.00 บาท และปิดตลาดที่ 2.22 บาท  ก่อนที่ราคาจะลงต่อเนื่อง

 

ขณะที่นายเกรียงไกร ได้ยื่นใบลาออกจากประธานกรรมการ โดยแจ้งตลาดหลักทรัพย์ ฯ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น 

 

ต่อเรื่องนี้นายเกรียงไกร ศิระวณิชการ อดีตประธานกรรมการ A5 เปิดแถลงเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 65 ชี้แจงว่า ได้ขาย A5 เป็นจำนวน 32 ล้านหุ้น เป็นเพียง 3%ของหุ้นจดทั้งบริษัท 1,209 ล้านหุ้น ดังนั้นจึงไม่มีผลทำให้ราคาปรับลดลง  และปัจจุบันยังถือหุ้นอยู่ 22% หรือประมาณ 270  ล้านหุ้น  

 

ต่อข้อถามสื่อที่ว่า รู้สึกตกเป็นแพะ ?  " คิดว่าตัวเองเป็นแพะ เหมือนมีคนไปทำราคา และหุ้นไม่ขึ้น ก็พยายามหาเหตุว่าเพราะเราขายหุ้น ทั้งที่หุ้นที่ผมขายไม่ได้เยอะเลย อย่างที่บอกแค่ 3% และการขายหุ้นก็เป็นสิทธิโดยชอบธรรมของผู้ถือหุ้นทุกราย ไม่มีกฎเกณฑ์ข้อใดห้ามการขายหุ้นของกรรมการบริษัท 

 

ราคาหุ้น A5 ในวันแรก สูงกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก เมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มเดียวกัน โดยดูจาก P/E, P/BV หรือ Dividend yield  ส่วนที่มีข่าวออกมาว่า  มีผู้อยู่เบื้องหลังดันราคา ตนได้อ่านตามสื่อ แต่ยืนยันว่าบุคคลที่เป็นข่าว ไม่ได้รู้จักกัน"   

  
 

แจงไม่ได้มีต้นทุนต่ำอย่างทีี่เป็นข่าว

 

ส่วนมูลเหตในการขายหุ้นครั้งนี้ เขากล่าวว่า เนื่องจากได้ลงทุนหุ้น A5 มานานกว่า 4 ปี โดยเข้าซื้อเมื่อปี 2560 ดังนั้นถ้าราคาหุ้นสูงกว่าและเป็นราคาที่เหมาะสมก็เป็นการซื้อขายปกติ ซึ่งตนก็ได้รายงาน ก.ล.ต. ตามขั้นตอนกฏหมาย 

 

นายเกรียงไกร ท้าวความ คนอาจจะมองว่าเราขายหุ้น A5 ได้กำไรมากเพราะมีต้นทุนต่ำมาก  แต่หากมองช่วงเวลาที่เราเข้ามาฟื้นฟู ปรับโครงสร้าง บริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือ ADAM  ซึ่งเป็นชื่อเดิมก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น A5 

 

เรามีภาระต้องใส่เงินให้บริษัทช่วงราวปี 2561 เพื่อใช้หนี้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เป็นเงินกู้ร่วม 200 ล้านบาท เป็นการใส่ของผมคนเดียว เพราะเราไม่มีการเพิ่มทุน รวมทั้งต้องแบกรับภาระปัญหาของบริษัทลูก คือ"บริษัทสิทธารมย์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด"  เราต้องซื้อบริษัทที่มีปัญหาออกมา  และเอาทรัพย์สินที่ดีใส่เข้ามา จนทำให้กลาย A5 กลายเป็นบริษัทที่ดีมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ ฯ ก่อนที่จะกลับเข้ามาซื้อขาย โดยได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.เมื่อเดือน ก.พ. 65 " นายเกรียงไกร กล่าว

 

พร้อมยืนยันว่า หุ้นที่ตนยังถืออยู่ 270 ล้านหุ้น จะไม่มีการขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แน่นอน อย่างไรก็ตามหากได้ราคาที่เหมาะสม และมีคนสนใจก็พร้อมจะขาย โดยเป็นขายโดยตรงให้กับผู้ซื้อ
 

ปมลาออกจาก"ประธานบอร์ด" A5

 

ส่วนประเด็นที่ตนได้ลาออกจากประธานกรรมการบริษัท ได้มีแถลงกับคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อช่วงเดือนก.พ.2565 ว่ามีความประสงค์จะลาออก ก่อนที่หุ้น A5 จะเริ่มกลับมาซื้อขาย ยืนยันไม่มีใครมากดดัน เหตุผลสำคัญยังเพราะส่วนตัวได้เข้าลงทุน บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL เพื่อฟื้นฟูธุรกิจ และเนื่องจากธุรกิจ KOOL มีบางส่วนขัดแย้งทางผลประโยชน์กับ A5 จึงได้ยื่นลาออกจากประธานบอร์ดเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2565
 
โดยปัจจุบันยังให้คำปรึกษากับบริษัท A5 อย่างไม่เป็นทางการ  แต่แม้ว่าตนจะลาออกไปแล้วก็ตาม ก็เชื่อมั่นว่าธุรกิจของบริษัทจะเติบโตกว่านี้อีกมากในอนาต เนื่องจากคณะผู้บริหารเป็นคนรุ่นใหม่ที่มองประโยชน์ของบริษัทเป็นสำคัญ

 

นายเกรียงไกร กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้ยังมุ่งมันทำงานที่ถนัดและท้าทายโดยมีแผนเข้าซื้อกิจการเพื่อฟื้นฟู คาดจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆนี้

 

"เราพร้อมจะเข้าซื้อกิจการที่มีปัญหาเพื่อเข้าไปปรับโครงสร้าง ถ้าราคาขายไม่แพง เพราะเป็นงานที่ท้าทาย และผมชอบถนัดอยู่แล้ว  "