"ทิสโก้" จัด 13 หุ้นเด่น ลงทุนช่วงสั้นท่ามกลางวิกฤตยูเครน-รัสเซีย

24 ก.พ. 2565 | 01:23 น.

บล.ทิสโก้ มอง"วิกฤตยูเครน-รัสเซีย กระทบตลาดหุ้นไทยวงจำกัด ประเมินกรณีเลวร้าย รัสเซียโจมตียูเครน ดัชนีลงแตะ1630-1660 จุด คัด 13 หุ้นเด่น ลงทุนช่วงสั้น BANPU, PTTEP BCH BDMS CHG ADVANC DTAC, DIF EGCO WHAUP และแนะทะยอยสะสม BEM, BTS และ MAJOR 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ "STRATEGY : ชี้ช่องทางการลงทุนช่วงสั้นท่ามกลางความตึงเครียดสถานการณ์ยูเครน -รัสเซีย " ระบุว่า แม้ตลาดหุ้นโลกมีแนวโน้มผันผวนระยะสั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มองว่าตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจำกัดจากสถานการณ์ดังกล่าว

 

เนื่องจาก (1) รัสเซียมีมูลค่าการค้า (ทั้งการส่งออกและนำเข้า) ในปีที่แล้วคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.52% ของมูลค่าการค้ารวมของไทย ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจากรัสเซียคิดเป็นสัดส่วน 3.7% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดของไทยในปี 2019 (เพื่อลดการบิดเบือนของตัวเลขจากผลกระทบการระบาด COVID-19) 

 

(2) ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ตอบสนองด้วยการปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 7 ปีจากความกังวลดังกล่าว ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไทยมีน้ำหนักในหุ้นกลุ่มนี้ค่อนข้างสูง ช่วยพยุงตลาดไม่ปรับตัวลงมาก

 

อ่านเพิ่ม  :  "ทิสโก้"มองวิกฤต"รัสเซีย - ยูเครน" กระทบราคาน้ำมัน-ศก.โลก วงจำกัด

 

ประเมินความเคลื่อนไหวของ SET Index ระยะสั้นใน 3 กรณีดังนี้


กรณีดี : รัสเซียและชาติตะวันตกสามารถใช้การเจรจาหาข้อยุติได้ร่วมกัน ไม่บานปลายเป็นสงครามข้ามชาติ
    
คาด SET Index เคลื่อนไหวทะลุ 1700 อีกครั้ง และมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1720-30 และ 1750 ตามลำดับ หากกระแสเงินทุนต่างชาติยัง ไหลเข้าต่อเนื่อง

 

กรณีฐาน : สถานการณ์ยังคงตึงเครียดต่อไป โดยจะเห็นการประกาศคว่ำบาตรรัสเซียและความพยายามในการหารือร่วมกัน คาดจะอึมครึมอีกเป็นเดือน แต่ในที่สุดจะหาทางออกได้ร่วมกัน  คาด SET Index   เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1660-1700 ผันแปรตามกระแสข่าวของสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย


กรณีแย่ : รัสเซียโจมตียูเครน กลายเป็นสงครามที่ชาติตะวันตกเข้ามาแทรกแซง

 

คาด SET Index มีโอกาสเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 1660 อาจลงทดสอบบริเวณ 1630-40 เพื่อตั้งหลักใหม่

กลยุทธ์การลงทุน

 

หุ้นที่มีโอกาสจะ Outperform ตลาดในระยะสั้น  ได้แก่

 

  • หุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ชอบ BANPU, PTTEP 
  • หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น BCH, BDMS, CHG 
  • หุ้นกลุ่มสื่อสารและสาธารณูปโภคที่อิงกับเศรษฐกิจภายในประเทศ เน้นหุ้นที่มีรายได้มั่นคงและเงินปันผลดี เช่น ADVANC, DTAC, DIF, EGCO, WHAUP

 

ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะ Underperform กว่าตลาดในช่วงนี้ ได้แก่

 

  • หุ้นที่มีธุรกิจในยุโรปอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดยูเครน (MINT)
  • หุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น เช่น สายการบิน (AAV, BA), EPS, TASCO
  • และหุ้น Re-opening ที่อาจถูกกดันจากการระบาด เช่น ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า และขนส่งมวลชน แต่มองเป็นจังหวะทยอยสะสม ชอบ BEM, BTS และ MAJOR