คณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ มีมติให้ปรับลดอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 3 บาทต่อเป็นระยะเวลา 3 เดือน ส่งผลให้อัตราการจัดเก็บภาษีน้ำมันดีเซลตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นดังนี้
การปรับลดภาษีสรรพสามิตดังกล่าว มีผลทำให้ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลดลง 2.79 บาทต่อลิตร และมีผลราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงทันที 2 บาทต่อลิตรเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ส่งผลทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจะลดลงมาจาก 29.94 บาทต่อลิตร เหลือ 27.94 บาทต่อลิตร
ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2565 บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ (OR) และ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ รวม E20 และE85 ลง 0.40 สตางค์ต่อลิตรเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับประเทศสมาชิกในอาเซียน 10 ประเทศ จะมีมาตรการภาษีและระบบการเก็บเงินเข้ากองทุนหรืออุดหนุนราคาพลลังงานที่แตกต่างกัน หลายประเทศยังมีการอุดหนุนราคา ประเทศที่ไม่มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันมี 3 ประเทศคือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศอยู่ในระดับต่ำ ส่วนอีก 7 ประเทศจัดเก็บในอัตราที่แตกต่างกัน
สำหรับ 3 อันดับที่ราคาขายปลีกน้ำมันสูงสุดทั้งเบนซิและดีเซลคือ สิงคโปร์ ราคาน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 67.64 บาทต่อลิตร ดีเซลอยู่ที่ 57.42 บาทต่อลิตร รองลงมือ ลาว เบนซินอยู่ที่ 44.24 บาทต่อลิตรและดีเซลอยู่ที่ 34.42 บาทต่อลิตร และฟิลิปปินส์ ราคาเบนซินอยู่ที่ 39.63 บาทต่อลิตร และดีเซล อยู่ที่ 33.19 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ เป็นการเปรียบเทียบราคา ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ และใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565
ขณะที่ ประเทศไทยสนับสนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ให้การอุดหนุนราคาโดยกองทุนน้ำมัน จึงทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าเบนซิน