บลจ.บีแคปออก 2 กองทุน ลงทุนสินทรัพย์ทั่วโลก

06 ก.ย. 2564 | 10:45 น.

บลจ.บีแคป ผนึก “PICTET” ไพรเวทแบงก์ชั้นนำของโลก เป็นที่ปรึกษาการลงทุน ต่อยอดบริหารความมั่งคั่ง เปิดตัวกองทุน “โกลบอล มัลติ แอสเซท” ขาย IPO 16 -22 ก.ย.นี้

นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) บางกอกแคปปิตอล หรือ บีแคป เปิดเผยว่า บลจ.บีแคป ร่วมมือกับ PICTET กลุ่มธุรกิจบริการไพรเวทแบงก์ชั้นนำของโลก จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จัดตั้งกองทุนเปิดบีแคป โกลบอล มัลติ แอสเซท (BCAP -GMA) และกองทุนเปิดบีแคป โกลบอล มัลติ แอสเซท พลัส (BCAP -GMA Plus) พร้อมเปิดขาย IPO ระหว่างวันที่ 16 -22 ก.ย. 64

มธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บลจ. บางกอกแคปปิตอล

 

นางเมธ์วดีกล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของบลจ.บีแคป ในการร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำของโลก เพื่อที่จะสามารถนำเสนอกลยุทธ์การบริหารความมั่งคั่งระดับโลก ที่ออกแบบมาให้เฉพาะลูกค้าธนาคารกรุงเทพเท่านั้น เนื่องจากการลงทุนของ BCAP-GMA และ BCAP-GMA Plus เปรียบเสมือนการได้รับคำแนะนำการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในการบริหารพอร์ตการลงทุนของลูกค้า

 “บลจ.บีแคป ร่วมกับ PICTET ออกแบบพอร์ตการลงทุนมาตรฐานระดับโลก  โดย PICTET จะมีคณะกรรมการลงทุนและทีมงานที่มีประสบการณ์สูง ที่จะให้คำแนะนำในทิศทางการลงทุนและจัดสรรสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด โดย บลจ.บีแคปจะทำการลงทุนและปรับพอร์ตของกองทุน BCAP-GMA และ BCAP-GMA Plus ภายใต้คำแนะนำของ PICTET อย่างใกล้ชิด” นางเมธ์วดีกล่าว

 

ด้านคุณเอเวอลีน โยว ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน ภูมิภาคเอเชีย Pictet Wealth Management กล่าวว่า  ความร่วมมือกันในครั้งนี้จะเพิ่มขีดความสามารถในด้านการลงทุนของ บลจ.บีแคป โดย Pictet จะนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการคัดเลือกสินทรัพย์และจัดสรรสินทรัพย์ทั่วโลก มาให้คำแนะนำในการลงทุนใน 2 กองทุนนี้

 

“เราหวังว่าจากความร่วมมือกันของทั้ง 2 สถาบันการเงินนี้ จะทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ในการเข้าถึงโอกาสในการลงทุนที่มากขึ้นและกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น”คุณเอเวอลีนกล่าว

 

สำหรับกองทุน BCAP-GMA  เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายในต่างประเทศทั่วโลกที่มั่นคงและมีความเสี่ยงต่ำประมาณ 80%  เช่นเงินฝาก พันธบัตร หุ้นกู้ และอีกประมาณ 20% ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนกองทุน BCAP-GMA Plus มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในต่างประเทศทั่วโลกในสัดส่วนประมาณ 75%  เช่น หุ้น REITs ทองคำ และมีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์มั่นคงประมาณ 25%