ดาวโจนส์ปิดบวก 14 จุด รับแรงซื้อหุ้นเฮลธ์แคร์-ข้อมูลแรงงานสดใส

12 ส.ค. 2564 | 23:48 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,499.85 จุด เพิ่มขึ้น 14.88 จุด รับแรงซื้อหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มเทคโนโลยี ข้อมูลแรงงานสดใส

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ขานรับแรงซื้อหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,499.85 จุด เพิ่มขึ้น 14.88 จุด หรือ +0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,460.83 จุด เพิ่มขึ้น 13.13 จุด หรือ +0.30% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,816.26 จุด เพิ่มขึ้น 51.13 จุด หรือ +0.35%

หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้น 0.8% 

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารปรับตัวขึ้น 0.6% 

นักวิเคราะห์จากบริษัทอินเวอร์เนส คอนเซิล กล่าวว่า นักลงทุนหมุนเวียนแรงซื้อเข้าสู่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเฮลธ์แคร์ซึ่งเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มสดใสในระยะยาว จากก่อนหน้านี้ที่เข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หากสภาคองเกรสสหรัฐผ่านร่างกฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์         

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 375,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวแม้มีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ขณะเดียวกันกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.6% และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เดือนก.ค.พุ่งขึ้น 7.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2553         

นักวิเคราะห์จากบริษัท E*TRADE Financial มองว่า ข้อมูลดัชนี PPI เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด เนื่องจากการพุ่งขึ้นของดัชนี PPI ในเดือนก.ค.เป็นผลมาจากภาวะติดขัดด้านอุปทาน ซึ่งก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อแค่ในระยะสั้น และเชื่อว่าจะไม่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน

นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด