กองทรัสต์ AIMIRT เคาะราคาขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน 11.70 บาท

15 ก.ค. 2564 | 02:22 น.

กองทรัสต์ AIMIRT ปลื้มนักลงทุนเชื่อมั่น จองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนล้นหลามเกินเป้า เคาะราคาเสนอขายสุดท้ายที่ 11.70 บาทต่อหน่วย ตอกย้ำศักยภาพทรัพย์สินใหม่มีผู้เช่าเต็ม 100%

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า กองทรัสต์ AIMIRT ได้เสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 2 ให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิจองซื้อ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่เป็นนักลงทุนรายย่อยที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ในวันที่ 5-9 และ 12-13 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยจองซื้อที่ราคาสูงสุด 11.90 บาทต่อหน่วย ถือว่า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนทุกกลุ่ม

 

วีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์

ล่าสุดได้กำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) หน่วยทรัสต์เพิ่มทุน ครั้งที่ 2 ที่ราคา 11.70 บาทต่อหน่วย และคาดว่า จะนำหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 2 เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้

 

ทรัพย์สินที่กองทรัสต์ AIMIRT เข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ จะเสริมศักยภาพและให้อัตราผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว

นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัดในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ AIMIRTเปิดเผยว่า การเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี แม้ว่าวันเปิดจองซื้อจะอยู่ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ และมีมาตรการควบคุมต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางเพื่อเข้าจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนของกองทรัสต์ AIMIRT ก็ตาม

อมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด

 

นายธนาเดช โอภาสยานนท์ กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้ จะนำไปเข้าลงทุนเพิ่มเติมในอาคารคลังสินค้าทั้งหมด 3 โครงการคือ โครงการทิพย์ 5 และทิพย์ 8 (ส่วนลงทุนเพิ่มเติม)  โครงการเอ็มเอส แวร์เฮ้าส์ และโครงการไทยแทฟฟิต้า

ธนาเดช โอภาสยานนท์ กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด

“มั่นใจว่า หลังเพิ่มทุนครั้งที่ 2 จะยิ่งเสริมศักยภาพแก่กองทรัสต์ให้มีผลการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสามารถจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์อย่างสม่ำเสมอให้เหมาะสมกับความไว้วางใจที่ผู้ถือหน่วยทรัสต์มีให้เสมอมา”นายธนาเดชกล่าว