"ทิสโก้เวลธ์" ชี้หุ้นวัฏจักรเศรษฐกิจใกล้จบรอบ

08 มิ.ย. 2564 | 07:37 น.

ธนาคารทิสโก้ชี้ หุ้น ‘วัฏจักรเศรษฐกิจ’ ใกล้จบรอบขาขึ้น แนะลูกค้าเร่งปรับพอร์ตซื้อหุ้นปลอดภัย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มไบโอเทค หลังราคาหุ้น Biogen วิ่งแรงตามคาด วันเดียวราคาพุ่ง 38.34% รับข่าว FDA อนุมัติยาอัลไซเมอร์ 

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาหุ้นวัฏจักรเศรษฐกิจปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่มาก ขณะเดียวกันยังแนะนำให้ลูกค้าลงทุนในหุ้นนวัตกรรมการแพทย์ (Innovative Healthcare) โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีทางชีวภาพ (Biotechnology) อย่างต่อเนื่องเพราะเป็นหุ้นกลุ่ม Defensives (หุ้นปลอดภัย) ที่ผลประกอบการค่อนข้างเสถียร และไม่แปรผันตามวัฏจักรเศรษฐกิจ เนื่องจากประเมินว่าในอนาคตยังมีความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและสภาพคล่องในระบบรออยู่มาก  

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทางชีวภาพยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น อย่างล่าสุด องค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐฯ ได้อนุมัติยารักษาโรคอัลไซเมอร์ ชื่อว่า Aducanumab ของบริษัท Biogen บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐฯ ซึ่งหลังจากมีข่าวดีออกมา ทำให้เพียงวันเดียวราคาหุ้น Biogen ทยานรับข่าวไปถึง 38.34% ไปอยู่ที่ 395.85 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น นี่ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของหุ้นBiotechnology ที่ราคาหุ้นมักจะปรับขึ้นแรงเมื่อมีข่าวดีเรื่องการอนุมัติยา และการควบรวมกิจการเกิดขึ้น 

“ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มวััฏจักร (Cyclical Stocks) เช่น กลุ่มสถาบันการเงิน (Financials) กลุ่มพลังงาน (Energy) กลุ่มอุตสาหกรรม (Industrials) ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ตามการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ และสภาพคล่องในระบบที่ยังคงมีอยู่มาก ทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนเริ่มให้ความสนใจลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าว แต่ในมุมมองของธนาคารทิสโก้ประเมินว่า ในช่วงครึ่งปีหลังหุ้นกลุ่มวัฏจักรอาจจะไม่ใช่ผู้นำในด้านการสร้างผลตอบแทนอีกต่อไป เพราะการเติบโตของเศรษฐกิจน่าจะเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว ประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเริ่มส่งสัญญาณลดการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบในเดือนสิงหาคมนี้” 

ทั้งนี้ มองว่า หุ้นกลุ่มวัฏจักรน่าจะใกล้หมดรอบขาขึ้นในเร็วๆ นี้ เพราะปัจจัยหนุนด้านเศรษฐกิจและสภาพคล่องจากธนาคารกลางสำคัญต่างๆ จะเริ่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะประเทศสหรัฐฯ ซึ่งจากการรวบรวมความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดย Bloomberg พบว่า นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า GDP ของสหรัฐฯ จะขยายตัวสูงสุดในไตรมาส 2 ที่ 9.0% และจะชะลอตัวลงในช่วงที่เหลือของปีเป็น 6.5% และ 4.6% ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่หมดลง หลังจากกระจายฉีดวัคซีนป้องกันCOVID – 19 จนคาดว่าจะเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะเดียวกันธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะเริ่มส่งสัญญาณลดการอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อแตะเบรกเงินเฟ้อ ในการประชุม Jackson Hole ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ นอกจากนี้ ปัจจัยด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นก็ยังสร้างแรงกดดันต่อกำไรของบางบริษัทในหุ้นกลุ่มวัฏจักรอีกด้วย  

อย่างไรก็ตาม เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนจากความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังยังคงแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนในหุ้นกลุ่มวัฏจักรมาเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensives โดยเฉพาะธุรกิจเทคโนโลยีทางชีวภาพ (Biotechnology) ซึ่งในช่วงที่ COVID-19 ระบาด ธุรกิจเทคโนโลยีทางชีวภาพเข้ามามีบทบาทอย่างมากทั้งการคิดค้นวัคซีนและยาที่ใช้ในการรักษา นอกจากนี้ ยังยารักษาโรคอื่นๆ อยู่ในระหว่างการวิจัยกว่า 7,000 รายการ   

สำหรับหุ้นกลุ่ม Healthcare จะพบว่า มี 2 ชาติมหาอำนาจ คือ สหรัฐฯ และจีน ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลกตามลำดับ ซึ่งปัจจุบันการลงทุนด้านวิจัยพัฒนายาตัวใหม่ก็นับว่าบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ยังเป็นประเทศที่มีเม็ดเงินลงทุนมากที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าเงินลงทุนมากกว่านอกสหรัฐฯ ถึง 2 เท่า และยังสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง จีนก็เริ่มมีบทบาทอย่างมากในเทคโนโลยีด้านนี้