YGG ประเดิมเทรดตัวแรกปี 63    

06 ม.ค. 2563 | 10:08 น.

“อิ๊กดราซิล กรุ๊ป” หรือ YGG  ประเดิมเทรดตัวแรกปี 63 มั่นใจสร้างผลตอบแทน แถมเป็นหุ้นปันผลสูง

              
ผู้นำธุรกิจดิจิตอลคอนเทนต์เบอร์หนึ่งของเมืองไทย และสตาร์ทอัพรายแรกที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ-แบงก์ออมสิน เข้าร่วมลงทุน ส่งถึงเป้าหมายเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ maiได้สำเร็จ “ธนัช จุวิวัฒน์”มั่นใจประเดิมเข้าเทรดวันแรกปี 63 สร้างผลตอบแทนสุดประทับใจ และยังเป็นหุ้นปันผลสูง  เดินหน้าคว้าบิ๊กโปรเจคทั้งในและต่างประเทศเพียบ หนุนรายได้โต 15-20% ตามแผน จากปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้กว่า 57 ล้านบาท

พายุพัด มหาผล

นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (YGG)  เปิดเผยว่า YGG จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 7 มกราคม 2563 ถือเป็นหุ้นตัวแรกที่เข้าซื้อขายของปี อยู่ในกลุ่ม service ถือเป็นอีกหนึ่งแรงดึงดูดที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน จากการกำหนดราคาไอพีโอในระดับราคาที่เหมาะสมอยู่ที่ 5 บาท/หุ้น 

 

“ YGG ถือเป็นหุ้นธุรกิจสตาร์ทอัพน้องใหม่ที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดี เพราะนอกจากเป็นผู้นำธุรกิจดิจิตอลคอนเทนต์ของไทยแล้ว ยังเป็นหุ้นสตาร์ทอัพตัวแรกที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและธนาคารออมสิน เข้าร่วมลงทุนผ่านกองทุนเอสเอ็มอี ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์ ฟันด์ ในสัดส่วน 9% ซึ่งหลังเข้าระดมทุนใน mai  ทำให้มีศักยภาพในการเข้ารับงานทั้งในและต่างประเทศที่มีมูลค่าสูงขึ้น ผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต”

 

ธนัช จุวิวัฒน์

ขณะที่นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (YGG)  กล่าวว่า บริษัทฯเชื่อมั่นว่า หุ้น YGG จะสร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน เพราะมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 57 ล้านบาท และเตรียมเข้ารับโปรเจคใหม่จำนวนมากในปี 2563 ซึ่งการระดมทุนในตลาด mai  ครั้งนี้ถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญทั้งในแง่ของความเชื่อมั่นในแบรนด์ และฐานะทางการเงินที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมรับงานใหม่ที่มีมูลค่าสูงขึ้น
 “ปีนี้ บริษัทวางเป้ารายได้เติบโต 15-20% เทียบกับปีที่ผ่านมา จากช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2559-2561) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 28.14 ล้านบาท 14.02 ล้านบาท และ 21.09 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปี 2562 มีกำไรสุทธิ 41.31 ล้านบาท