“หมู” เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาผันผวนทั่วโลก โดยราคาปรับขึ้น-ลงตามกลไกตลาด โดยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูเป็นผู้แบกรับความเสี่ยง เพื่อไม่ให้กระทบผู้บริโภค แต่หลายเดือนที่ผ่านมา ราคาหมูลดลงต่อเนื่อง ทำให้ผู้เลี้ยงโดยเฉพาะรายย่อย ขาดทุนจนต้องเลิกกิจการจำนวนมาก มาตรการ “หมูหัน” ขนาดนํ้าหนัก 4-7 กิโลกรัม เป้าหมาย 100,000 ตัวทั่วประเทศเพื่อพยุงราคา จึงได้เริ่มขึ้นประมาณเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อตัดวงจรลูกหมูเข้าขุนทั่วประเทศ ทำให้เกิดความสมดุลและช่วยผลักดันเสถียรภาพราคาอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังเข้าถึง “หมูหัน” ในราคาจับต้องได้ เท่ากับได้กินหมูดีและยังช่วยเกษตรกรด้วย
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงสถานการณ์ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ว่า ทุกภูมิภาคราคาขยับขึ้นต่อเนื่อง 2 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เฉลี่ยอยู่ที่ราคา 64-71 บาทต่อกก. เป็นราคาขยับต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ สาเหตุมาจากกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรและสมาชิกสมาคมได้จัดโครงการจำหน่ายเนื้อสุกรคุณภาพ 2 กก. 100 บาท เพื่อกระตุ้นการบริโภค ผ่านร้านธงฟ้า ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และการตัดวงจรการผลิตลูกสุกรเพื่อทำหมูหัน เป้าหมาย 1 แสนตัว มี 12 บริษัท สมัครใจเข้าร่วมโครงการ ยอมขาดทุนเพื่อช่วยเกษตรกรรายย่อยไม่ให้ขาดทุนไปมากกว่านี้
ราคาหมู 71 บาทต่อกิโลกรัม เป็นราคาที่ต้องขนส่งระยะไกล บวกค่าเสียหายระหว่างการเดินทางด้วย เช่น ภาคเหนือ ต้องนำหมูจากภาคกลางขึ้นไปส่ง เนื่องจากเกษตรกรภาคเหนือส่วนใหญ่เลิกเลี้ยงไปเป็นจำนวนมาก และไม่สามารถเลี้ยงใหม่ได้ และส่วนหนึ่งติดปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นต้น”
อย่างไรก็ดี ระดับราคาหมูที่ปรับขึ้นมานั้น หากพิจารณาย้อนหลังไป จะเป็นราคาเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ขณะที่ต้นทุนการผลิต ณ ปัจจุบันราคาสูงกว่าทำให้มีต้นทุนเฉลี่ย 80 บาทต่อกก. ซึ่งขอให้ผู้บริโภคเห็นใจและเข้าใจผู้เลี้ยง เนื่องจากราคาขายปลีกไม่ได้สูง ยังตํ่ากว่าต้นทุนการเลี้ยงของเกษตรกร ซึ่งผู้เลี้ยงขอแค่ราคาพออยู่ได้เท่านั้น
นายสิทธิพันธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากโครงการหมูหัน เพื่อลดซัพพลาย การจำหน่ายหมูผ่านร้านธงฟ้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการของรัฐบาลที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ และทำให้ราคาหมูหน้าฟาร์มปรับขึ้นมาได้แล้ว โครงการคนละครึ่งพลัสของรัฐบาลที่อยู่ระหว่างดำเนินการในเวลานี้ ยังช่วยกระตุ้นการจับจ่าย ก็หวังว่ารัฐบาลจะเร่งเดินหน้าคนละครึ่งพลัส ในเฟสต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายเดือนเด่น ยิ้มแย้ม ประธานชมรมผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวถึงราคาหมูที่ปรับขึ้น ปรับขึ้นได้เฉพาะรายกลางเท่านั้น ส่วนราคาหมูรายย่อยยังไม่ขยับเลย โดยราคายังเฉลี่ยที่ 53-55 กว่าบาทต่อกก. เท่านั้น ยังห่างจากราคาประกาศของสมาคมกว่า 10 บาทต่อกิโลกรัม โดยหน้าเขียง ทางผู้ค้าอ้างมีหมูกล่องโฟม ซึ่งไม่รู้มาจากไหน มาขายตัดราคาถูกกว่าทำให้ผู้เลี้ยงรายย่อยถูกกดราคา เพราะถ้าซื้อตามราคาประกาศของสมาคมก็ขายไม่ได้
“หมูกล่องโฟม บรรจุ 40 กก. จะมีรถบรรทุกใส่กล่องไว้ นำมาลงที่ตลาด และตามร้านต่างๆ แล้วนำมาในราคาที่ถูกกว่า ทำให้ผู้ค้าหน้าเขียงสู้ไม่ได้ และทำให้ราคาหน้าฟาร์มขยับไม่ได้ เรื่องดังกล่าวเคยนำเข้าไปหารือในสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และ คณะกรรมการนโยบายสุกรและผลิตภัณฑ์ (พิกบอร์ด) ด้วย แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร”
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,150 วันที่ 20-22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568