KEY
POINTS
นายสุธาศิน อมฤก หรือ “บังจู” เลขานุการสมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไทย เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ถึงสถานการณ์ตลาดไข่ไก่ ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2568 ว่า บรรยากาศการค้าขายยังคงซบเซาต่อเนื่องตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา และเริ่มเห็นสัญญาณชัดเจนว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่ค่อยดี มีแนวโน้มว่าราคาไข่ไก่อาจปรับลดลงในช่วงสัปดาห์หน้า หรืออย่างช้าก็ในเทศกาลกินเจ ระหว่างวันที่ 21–29 ตุลาคม 2568
“ขณะนี้ปริมาณไข่ไก่ในตลาดมีมากเกินความต้องการ โดยเฉพาะไข่เบอร์ใหญ่ 0, 1 และ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปลายปี 2566 และ 2567 สถานการณ์ปีนี้ถือว่าหนักกว่า โดยจะเห็นผลชัดที่สุดตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงพฤศจิกายน”
สำหรับความต้องการบริโภคไข่ไก่ในประเทศชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา แต่ถือเป็น “โอกาสของผู้บริโภค” ที่จะสามารถเข้าถึงแหล่งโปรตีนคุณภาพดีในราคาที่สมเหตุสมผล พร้อมเตือนผู้ค้าระมัดระวังการสต็อกสินค้า ไม่ควรซื้อเกินความต้องการในช่วงที่ตลาดนิ่ง
ส่วนกรณีการซื้อขายไข่ไก่ผ่านโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ขณะนี้ยังไม่เห็นความชัดเจน อีกทั้งมีความกังวลเรื่องภาษีที่อาจถูกเก็บย้อนหลัง ซึ่งต้องรอดูท่าทีจากภาครัฐและการตอบรับของพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดและตลาดนัดว่าจะมีความตื่นตัวมากน้อยเพียงใด แต่โดยภาพรวม มองว่าโครงการลักษณะนี้จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและหมุนเวียนเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง
ด้านนายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ กล่าวว่า ในช่วงออกพรรษาและปิดเทอมที่ยาวต่อเนื่องถึงเทศกาลกินเจ ถือเป็นจังหวะสำคัญที่ผู้เลี้ยงควรเร่ง “ปลดไก่” เพื่อลดปริมาณไข่ในระบบ ช่วยภาครัฐรักษาเสถียรภาพราคา พร้อมทั้งขอความร่วมมือเกษตรกรให้รักษาวินัยในระบบ เพื่อให้ตลาดไข่ไก่กลับเข้าสู่สมดุล
“ช่วงนี้ยังมีการผลักดันการส่งออกไข่ไก่ไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งตลาดประจำและตลาดใหม่ในตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นสัญญาณดี แม้จะยังอยู่ในระดับจำกัด แต่ก็ช่วยระบายผลผลิตส่วนเกินได้บางส่วน” นายมาโนชกล่าวย้ำในตอนท้าย