นายอดิศักดิ์ กองวารี นายกสมาคมถุงมือยางไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมาทางกระทรวงพาณิชย์ได้เชิญสภาอุตสาหกรรมและสภาหอการค้าเข้าร่วมประชุมประเด็นหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยทางสมาคมถุงมือยางไทย ได้เสนอผ่านสมาคมการค้ากลุ่มเกษตรและแปรรูปสินค้าเกษตร เพื่อทวงถามมาตรการผลกระทบภาษีสหรัฐอเมริกา เพื่อดำเนินมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟต์โลน วงเงินไม่น้อยกว่า 200,000 ล้านบาท ยังคงมีอยู่หรือไม่ เนื่องจากในช่วงนี้รัฐบาลกำลังมีนโยบายคนละครึ่งพลัส เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายคนในประเทศ ก็ขอความชัดเจน
“จากที่ประเทศจีน ถุงมือยางโดนภาษีสหรัฐ ทำให้สูญเสียการแข่งขัน ก็เป็นโอกาสของไทยที่ได้ตลาดตรงนี้คืนมา ขอให้มีการอุนมัติเงินตรงนี้โดยเร็ว เพื่อเสริมศักยภาพในการส่งออกและขยายตลาดได้ ซึ่งอ้างอิงข้อมูลการส่งออกถุงมือยางของไทยในปี 2566 (ค.ศ. 2023) พบว่ามีมูลค่าการส่งออกถุงมือยางรวมทั้ง โลกอยู่ที่ 7,595,326,141 ดอลลาร์สหรัฐ และมีมูลค่าการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 2,187,498.5 ดอลลาร์สหรัฐ หากประเทศไทยสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้อีก 10% จากมูลค่าการส่งออกเดิม จะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกถุงมือยางรวมทั่วโลกเพิ่มขึ้นประมาณ 759,532,614 ดอลลาร์สหรัฐ และในตลาดสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นประมาณ 218,749,858 ดอลลาร์สหรัฐ”
นอกจากนี้ขอเสนอให้ย้ายอุตสาหกรรมปลายน้ำ เช่น ถุงมือยาง ยางรถยนต์ ท่อยาง และอุปกรณ์ทางการแพทย์ จากการกำกับดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปสังกัดกระทรวงพาณิชย์ แทนเนื่องจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เน้นดูแลเกษตรกรเพียงอย่างเดียว และอยากให้มีการปรับปรุงนิยามวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ของประเทศไทย ที่อ้างอิงโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เพราะยังไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการแข่งขังขันในระดับสากล
ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการส่งออกและขยายตลาดสู่สากลไม่ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณและความช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างเหมาะสม เนื่องจากตามนิยามปัจจุบัน ผู้ประกอบการกลุ่มนี้อาจมีขนาดเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และขอให้มีการสนับสนุนและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ เช่น โครงการ Thailand Rubber Branding จัดทำฉลากด้านความปลอดภัยและความปลอดภัยด้านอาหาร ภายใต้ DITP ถุงมือยางธรรมชาติ เน้นจุดขายเป็นธรรมชาติ ย่อยสลายได้ ปราศจากสารก่อภูมิแพ้ ทนสารเคมี เหมาะกับโรงแรม ร้านอาหาร เป็นต้น
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ที่สำคัญต้อง ตั้ง “คณะทำงานเฉพาะกิจถุงมือยาง” ระหว่างภาครัฐ-เอกชน เพื่อติดตามสถานการณ์ตลาดโลก และ เสนอแนวทำงานเชิงรุกต่อเนื่อง รายไตรมาส ในการทำหน้าที่ประสานในการแก้ปัญหาเร่งด่วน เช่น การขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ หรือการเจรจากับประเทศปลายทาง เจาะตลาดใหม่ เพิ่มมากขึ้น ในการผลักดันการจัดทำเอฟทีเอ กับประเทศต่างๆ หรือกลุ่ม MERCOSUR คือ ตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่าง แม้จะยังไม่แล้วเสร็จในปีนี้ อย่างน้อยควรมีการเริ่มต้นกรอบการเจรจา หรือลงนาม MOU เพื่อเปิดทางการค้าใหม่ขึ้น