“ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำโกอินเตอร์

24 ก.ย. 2568 | 11:21 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ย. 2568 | 11:33 น.

“ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” ส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามตลาดต่างประเทศ นำร่องเฟสแรก 5 ปลายทาง “อเมริกา – เอเชีย” เผย ปลากัด มูลค่าส่งออกกว่า 1,100 ล้านบาท

KEY

POINTS

  • ไปรษณีย์ไทยร่วมมือกับกรมประมง เปิดบริการส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามไปต่างประเทศเป็นครั้งแรก
  • เฟสแรกจะเริ่มให้บริการในเดือนตุลาคม 2568 โดยเน้นส่งออกปลากัดไปยัง 5 ตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอินโดนีเซีย
  • บริการนี้มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงที่ขึ้นทะเบียนกว่า 10,000 ราย ให้สามารถเข้าถึงตลาดโลกและเพิ่มมูลค่าการส่งออก

 นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ไปรษณีย์ไทย ร่วมกับ กรมประมง เปิดบริการ ส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามไปยังต่างประเทศผ่านเครือข่ายไปรษณีย์เป็นครั้งแรก โดยเฟสแรกจะเริ่มให้บริการในเดือนตุลาคม 2568 ส่งออกปลากัด ใน 5 ตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอินโดนีเซีย  ก่อนขยายไปตลาดอื่น ๆ ที่มีศักยภาพในอนาคต

ทั้งนี้ บริการดังกล่าวจะรองรับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงที่ขึ้นทะเบียนกับกรมประมงกว่า 10,000 ราย ภายใต้บริการส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามไปต่างประเทศ โดยปัจจุบันตลาดสัตว์น้ำสวยงามโลกมีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ไทยมีศักยภาพครองสัดส่วนการส่งออกปลากัดและสัตว์น้ำสวยงามเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ราว 11% และมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยเฉพาะปลากัด ที่มีสัดส่วนถึง 40%

การร่วมมือกับกรมประมงครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการส่งสินค้าระหว่างประเทศ แต่คือการเปิดประตูให้เกษตรกรและภาคการประมงไทยเข้าถึงตลาดโลกผ่านเครือข่ายไปรษณีย์ที่ครอบคลุมกว่า 50,000 แห่ง และกว่า 190 ประเทศทั่วโลก โดยทั้งไปรษณีย์ไทยและกรมประมงมุ่งมั่นให้การส่งสัตว์น้ำ สวยงามไทยกลายเป็นอีกหนึ่งสินค้าส่งออกหลักที่สร้างมูลค่าและภาพจำใหม่ของประเทศ รวมถึงช่วย สร้าง Branding ประเทศไทยในฐานะแหล่งผลิตสัตว์น้ำสวยงาม ทั้งนี้ การให้บริการดังกล่าวจะรองรับสัตว์น้ำสวยงามตามมาตรฐานการเพาะเลี้ยงระดับส่งออกจากการกำกับดูแลโดยกรมประมง ส่งผ่านบริการส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามไปต่างประเทศ เริ่มเปิดให้บริการในเดือนตุลาคม 2568 ณ ไปรษณีย์จังหวัดนครปฐมเป็นแห่งแรก ซึ่งเป็นจังหวัดที่นิยมเพาะเลี้ยงปลากัดในจำนวนมากที่สุดของไทย

โดยในเฟสแรกจะมุ่งเน้นการส่งออกปลากัดไปยัง  5 ประเทศ ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมาย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอินโดนีเซีย และในอนาคตจะศึกษาความเป็นไปได้เพื่อขยายบริการส่งสัตว์น้ำชนิดอื่น ๆ ไปยังกลุ่มประเทศฐานผู้เลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามขนาดใหญ่และกำลังซื้อสูง

 

 

“ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ

 “ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ตลาดโลกสัตว์น้ำสวยงามมีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ไทยมีศักยภาพครองสัดส่วนการส่งออกปลากัดและสัตว์น้ำสวยงามเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ราว 11% โดยปัจจุบันประเทศไทยมีเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามที่ขึ้นทะเบียนกว่า 10,000 ราย ในปี 2567 มีมูลค่าการส่งออกกว่า 1,000 ล้านบาท

  • ปลากัดที่มีมูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท หรือราว 40% ของการส่งออกสัตว์น้ำทั้งหมด
  • กลุ่มรองลงมา คือปลาทอง ปลาหางนกยูงและปลาสอด กุ้งสวยงาม
  • กลุ่มปลาหมอสีและปลาออสการ์  และปลาชนิดอื่น ๆ 

ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มุ่งเน้นการสร้างอาชีพ และสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพผลผลิตสัตว์น้ำ รวมถึงเพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่เกษตรกรไทยที่จะสามารถสร้างรายได้สู่ครัวเรือนเกษตรกร กรมประมงจึงประสานความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานขนส่ง-โลจิสติกส์แห่งชาติ ในการร่วมพัฒนาศักยภาพเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงและผู้ประกอบการสัตว์น้ำสวยงามให้มีความพร้อมในการปฏิบัติตามมาตรฐานการส่งออกและสามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น

ความร่วมมือในครั้งนี้กรมประมงจะสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินงานด้านวิชาการและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยงและการส่งออกสัตว์น้ำสวยงามที่มุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านมาตรฐานการเพาะเลี้ยง การขึ้นทะเบียน หลักเกณฑ์และข้อปฏิบัติด้านการตรวจสอบ รวมถึงการออกหนังสือรับรองสุขภาพ

สัตว์น้ำและเอกสารประกอบการส่งออก เพื่อให้การส่งออกสัตว์น้ำสวยงามไปยังต่างประเทศเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายภายในประเทศและมาตรฐานสากล ทั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการตอกย้ำการสร้างการรับรู้ถึง “ปลากัดไทย”  ในฐานะสัตว์น้ำเอกลักษณ์ประจำชาติ แต่ยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทุกมิติ ให้เกษตรกรไทยสามารถส่งออกสัตว์น้ำโดยตรง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มพูนรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการสู่โอกาสการแข่งขันทางการค้า และสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

“ความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทยและกรมประมงในครั้งนี้ คือการปักหมุดทางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ ที่ไม่เพียงช่วยเกษตรกรให้เข้าถึงตลาดโลก แต่ยังตอกย้ำภาพลักษณ์ไทยในฐานะผู้นำด้านสัตว์น้ำสวยงามและ Soft Power บนเวทีโลก” นายบัญชา กล่าวสรุป

สำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงที่สนใจใช้บริการส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามไปยังต่างประเทศผ่านไปรษณีย์ไทยจะต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ 1. ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบการด้านการประมง (ทบ.2) 2. ขึ้นทะเบียนสถานประกอบการเพาะเลี้ยงว์น้ำเพื่อการส่งออก (สอ.3) 3. ขึ้นทะเบียนสถานประกอบการรวบรวมสัตว์น้ำเพื่อการส่งออก (สอ.4) ทั้งนี้  ในการส่งออกปลากัดแต่ละครั้ง  ต้องยื่นขอเอกสารประกอบการส่งออกจากกรมประมง 5 ประเภท ได้แก่

1. ขอใบอนุญาตส่งออกสัตว์น้ำ (ร.9)

2.ขอหนังสือรับรองสุขภาพสัตว์น้ำ (Health Certificate) 3.ใบแจ้งดำเนินการส่งออกสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ (DOF4)

4. ใบอนุญาตให้ส่งออกสัตว์น้ำ (DOF11)

5. หนังสือรับรองตนเองในการแจ้งแหล่งที่มาของสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ (Self Certificate) และเพื่อส่งเสริมศักยภาพการส่งออกให้แก่ผู้ประกอบการ ไปรษณีย์ไทยยังได้ประสานความร่วมมือกับกรมประมงในการจัดเวิร์คช็อปอบรมสำหรับเกษตรกรที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในกระบวนการส่งออก เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบในการขึ้นทะเบียนและการเตรียมความพร้อมสำหรับการส่งออกรวมถึงช่วยให้เกษตรกรสามารถส่งออกปลากัดได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐาน โดยสำหรับเกษตรกร.