คต. ตรวจเข้มนำเข้า 'ข้าวโพดปลอดการเผา' คุมเข้มลด PM 2.5 ข้ามพรมแดน

22 ก.ย. 2568 | 06:27 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.ย. 2568 | 07:10 น.

กรมการค้าต่างประเทศ เผย เตรียมบังคับใช้มาตรการการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์.ปี 69 ผู้นำเข้าต้องแสดงหลักฐานว่าสินค้ามาจากการผลิต “ปลอดการเผา” ลดปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ข้ามพรมแดน

KEY

POINTS

  • กรมการค้าต่างประเทศเตรียมบังคับใช้มาตรการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปลอดการเผา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ข้ามพรมแดน
  • ผู้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จะต้องแสดงหลักฐานว่าสินค้ามาจากกระบวนการผลิตที่ไม่ใช้วิธีการเผา และต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังแปลงเพาะปลูกได้
  • มาตรการนี้มุ่งเป้าไปที่การนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเป็นแหล่งนำเข้าหลัก โดยจะมีการออกมาตรการรองรับเพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนควบคู่กันไป

นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2569 กรมการค้าต่างประเทศ เตรียมบังคับใช้มาตรการใหม่และเป็นมาตรการ การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปลอดการเผาเพื่อลดปัญหามลพิษ PM 2.5 ข้ามพรมแดน โดยจะมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป ผู้นำเข้าสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะต้องมีหลักฐานเพื่อแสดงว่าสินค้าที่นำเข้ามาจากกระบวนการผลิตที่ “ปลอดการเผา” เพื่อลดการก่อฝุ่นพิษ PM 2.5 ข้ามพรมแดนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และเพื่อสร้างมาตรฐานการค้าใหม่ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม 

ทั้งนี้ เนื่องจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นสินค้าที่ ในประเทศผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ ต้องนำเข้าปีละกว่า 1.3 – 2 ล้านตัน โดยปีที่ผ่านมามีการนำเข้าจาก เมียนมา (87%) ลาว (12.61%) กัมพูชา (0.39%) ในขณะที่ ประเทศที่ส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สำคัญของโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล และ อาร์เจนตินา   

ขณะเดียว การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์โดยส่วนใหญ่มีแหล่งนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่หลายพื้นที่ยังใช้วิธีเผาไร่หลังเก็บเกี่ยว ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ลอยข้ามมาไทย มาตรการใหม่จะกำหนดให้ผู้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ต้องขึ้นทะเบียนรายปีกับกรมฯ และในการนำเข้าจะต้องแสดงหลักฐานว่าสินค้ามาจากการผลิตแบบปลอดการเผาตามหลักฐานที่กำหนด 

โดยในช่วงแรกถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ของผู้นำเข้าไทย และมีเป้าหมายจะเริ่มตั้งแต่ ม.ค. 2569 ไปจนกระทั่ง พ.ร.บ อากาศสะอาด และกฎหมายลูกมีผลบังคับใช้ โดยจะให้ผู้นำเข้าสามารถรับรองตนเองได้ว่าสินค้านำเข้ามาจากแหล่งที่ไม่เผา หรือใช้เอกสารจากหน่วยงานรัฐของประเทศผู้ส่งออกหรือองค์กรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลเป็นผู้รับรองก็ได้ พร้อมกับจะต้องมีการบันทึกข้อมูลการเพาะปลูก และที่ตั้งแปลงปลูกของสินค้าที่นำเข้า เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแปลงเพาะปลูกในกรณีที่เกิดเหตุอันควรสงสัย 

ทั้งนี้ ในระยะที่สอง จะเริ่มภายหลังจาก พ.ร.บ อากาศสะอาด และกฎหมายลูกมีผลบังคับใช้เป็นต้นไปแล้ว จะใช้มาตรการที่มีความเข้มงวดมากขึ้น อาทิ การนำเข้าจะต้องใช้ใบรับรองจากหน่วยงานที่ยอมรับของประเทศผู้ส่งออกเท่านั้น จะต้องมีแผนที่แปลงการเพาะปลูกมาประกอบด้วย เป็นต้น 

 

คต. ตรวจเข้มนำเข้า 'ข้าวโพดปลอดการเผา' คุมเข้มลด PM 2.5 ข้ามพรมแดน

 

นายดวงอาทิตย์ เพิ่มเติมว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ไทยใช้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมกับการนำเข้าสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นมาตรการที่ร่วมกันตกผลึกตั้งแต่ต้นปี 2568 ระหว่างหน่วยงานรัฐ เอกชน เกษตรกร และนักลงทุนไทยในประเทศเพื่อนบ้าน โดยร่วมกันหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพ ค่อยเป็นค่อยไป ตรวจสอบได้ ไม่เป็นอุปสรรคเกินไปต่อการค้าระหว่างประเทศ และบังคับใช้อย่างเท่าเทียมทั้งสินค้ามาจากต่างประเทศและในประเทศอันสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศทั้ง ASEAN และ WTO อย่างมีสมดุล 

อย่างไรก็ดี มาตรการนี้ อยู่ระหว่างการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ควบคู่ไปพร้อมกับแนวทางการป้องกันการขาดแคลนข้าวโพดเพื่อใช้ผลิตอาหารสัตว์ในกรณีที่การนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านมีปัญหา ที่กำหนดโดยคณะกรรมการนโยบายข้าวโพด

เลี้ยงสัตว์ (นบขพ) อาทิ การขยายโควตานำเข้าในกรอบองค์การการค้าโลก (WTO) ในระดับที่เหมาะสม พร้อมลดภาษีลงเหลือ 0% เป็นต้น

 

คต. ตรวจเข้มนำเข้า 'ข้าวโพดปลอดการเผา' คุมเข้มลด PM 2.5 ข้ามพรมแดน

 

นอกจากนี้ยังคงมาตรการป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อย่างเข้มงวดเช่นกัน เช่น มาตรการผู้นำเข้าต้องซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วน ต่อการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือ ข้าวสาลีจากต่างประเทศ 1 ส่วน เป็นต้น