บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมกับ ประมงจังหวัดสมุทรสงคราม และ กลุ่มเกษตรกรในตำบลยี่สาร อำเภออัมพวา เปิดตัว “กองทุนปลากะพง” โครงการความร่วมมือแบบรัฐ-เอกชน-ชุมชน ที่ใช้ปลากะพงขาวซึ่งเป็นปลานักล่าตามธรรมชาติเข้ามาช่วยควบคุมประชากร “ปลาหมอคางดำ” ในบ่อเพาะเลี้ยงหอยแครง กุ้ง และสัตว์น้ำอื่น ๆ
ซีพีเอฟมอบลูกพันธุ์ปลากะพงขาว จำนวน 10,000 ตัว ให้แก่สำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่เกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยเกษตรกรสามารถเลี้ยงปลากะพงเพื่อควบคุมปลาหมอคางดำในระบบกึ่งธรรมชาติ ลดต้นทุนการกำจัดศัตรูพืช และยังสามารถจำหน่ายปลากะพงเมื่อโตเต็มวัยได้อีกด้วย
นายกิตติพิชญ์ ตุ้มน้อย เกษตรกรผู้เลี้ยงหอยแครงในพื้นที่ กล่าวว่า การใช้ปลากะพงเป็นนักล่าช่วยควบคุมปลาหมอคางดำได้อย่างเป็นรูปธรรม ลดต้นทุนและเพิ่มความมั่นคงในการทำเกษตรน้ำ อีกทั้งยังเป็นแนวทางที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ด้าน นายวิรัตน สนิทมัจโร ประมงจังหวัดสมุทรสงคราม ระบุว่า โครงการนี้ต่อยอดจากโครงการ “สิบหยิบหนึ่ง” โดยให้เกษตรกรสมทบรายได้จากการจำหน่ายปลากะพงคืนเข้าสู่กองทุน เพื่อหมุนเวียนซื้อลูกพันธุ์ปลารุ่นใหม่แจกจ่ายต่อไป และอาจนำไปปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศเพิ่มเติมในอนาคต
สถานการณ์ปลาหมอคางดำในสมุทรสงครามขณะนี้เริ่มดีขึ้น โดยแหล่งน้ำธรรมชาติ พบว่า ความหนาแน่นอยู่ในระดับต่ำกว่า 10 ตัวต่อ 100 ตารางเมตร เป็นผลจากการบูรณาการความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน และชุมชนในการดำเนินงานเชิงรุกอย่างจริงจัง
ส่วนของบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกรจำนวนปลาหมอคางดำลดลงอย่างมาก จากมาตรการรับซื้อที่เป็นความร่วมมือกับการยางแห่งประเทศไทย และกรมพัฒนาที่ดิน
ขณะเดียวกัน ประมงยังดำเนินโครงการกองทุนปลากะพงควบคู่กับมาตรการอื่นๆ อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะกิจกรรมลงแขกลงคลองที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งเสริมให้นำปลาหมอคางดำไปใช้ประโยชน์
ประมงจังหวัดยังเดินหน้าโครงการควบคุมปลาหมอคางดำเชิงระบบทั้งในบ่อและแหล่งน้ำสาธารณะ อาทิ กิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” และการส่งเสริมการแปรรูปเพื่อบริโภค รวมถึงการเปิดรับซื้อปลาหมอคางดำเพิ่มอีก 50,000 กิโลกรัม เพื่อนำไปทำน้ำหมักชีวภาพแจกจ่ายเกษตรกรต่อไป
“เรามั่นใจว่า ด้วยพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะสามารถควบคุมปลาหมอคางดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเสริมความมั่นคงในอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน” นายวิรัตน กล่าว