กลุ่มบริษัท พี.เอฟ.พี. (PFP Group) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปครบวงจร ประกาศก้าวเข้าสู่บทใหม่ขององค์กร ภายใต้แนวคิด “THE NEXT CHAPTER BEGINS – ก้าวสู่ยุคใหม่ ไร้ขีดจำกัด” พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก ที่ขับเคลื่อนด้วย นวัตกรรม ความยั่งยืน และคุณภาพ ในงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับนานาชาติ THAIFEX – Anuga Asia 2025 ระหว่างวันที่ 27 – 31 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานกรรมการบริหาร PFP Group เปิดเผยว่า การปรับภาพลักษณ์แบรนด์ครั้งใหญ่นี้ เป็นการตอกย้ำจุดยืนของ PFP ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปในตลาดโลก ภายใต้แนวทางที่เชื่อมโยงคุณค่า 3 ด้าน ได้แก่ นวัตกรรม – คุณภาพ – ความยั่งยืน พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่อย่างครบวงจร ทั้งในแง่ของสินค้า บรรจุภัณฑ์ และการสื่อสารแบรนด์
ทั้งนี้เพื่อเตรียมปรับโฉมแบรนด์ครั้งใหญ่สู่ทศวรรษใหม่แห่งความยั่งยืนและเพื่อเตรียมควมพร้อมสู่การเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 40 ปีในปี 2569 กลุ่มบริษัท พี.เอฟ.พี เดินหน้าปรับภาพลักษณ์องค์กรครั้งสำคัญ ภายใต้แนวทางที่เน้นความทันสมัย สะท้อนอัตลักษณ์ของแบรนด์อาหารทะเลแปรรูประดับแนวหน้า ที่พร้อมเชื่อมโยงคุณภาพ นวัตกรรม และความยั่งยืนไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
โดยแนวทางสำคัญที่ PFP Group ดำเนินการมีดังนี้
1.ยกระดับบรรจุภัณฑ์ใหม่ เสริมภาพลักษณ์แบรนด์สู่มาตรฐานสากล
PFP เตรียมทยอยเปิดตัว บรรจุภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ สำหรับผลิตภัณฑ์หลักในตลาดต่างประเทศ รวมถึงช่องทางโมเดิร์นเทรดภายในประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันของภาพลักษณ์แบรนด์ (Brand Unity) ทั้งในระดับประเทศและสากล ดีไซน์บรรจุภัณฑ์ใหม่จะมุ่งเน้นความทันสมัย โดดเด่น พร้อมสะท้อนคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และอัตลักษณ์ของแบรนด์ PFP ในฐานะแบรนด์ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูประดับแนวหน้า ทั้งนี้ การออกแบบครั้งใหม่นี้ยังช่วยเพิ่มมูลค่าทางการตลาด และสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับผู้บริโภคในทุกช่องทางจัดจำหน่าย
2 . เปิดตัวมาสคอตใหม่ “น้อง PP Boy” สื่อสารแบรนด์อย่างมีชีวิต
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ครั้งนี้ คือการเปิดตัว “น้อง PP Boy” มาสคอตใหม่ขององค์กร ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีบุคลิกสดใส เข้าถึงง่าย และเป็นตัวแทนของความห่วงใยผู้บริโภคในทุกมิติ และจะทำหน้าที่เป็น “เสียงของแบรนด์” ที่สามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างอบอุ่นและจริงใจ ผ่านทั้งสื่อโฆษณา สื่อดิจิทัล และกิจกรรมทางการตลาดในทุกแพลตฟอร์ม โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้าง ความผูกพันระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคในทุกช่วงวัย และสะท้อนตัวตนใหม่ของ PFP ที่พร้อมเดินหน้าเคียงข้างผู้บริโภคในทุกจังหวะของชีวิต
3. เลือกใช้วัตถุดิบ MSC “รักษ์ทะเล” ด้วยการบริโภคอย่างรับผิดชอบ
อีกหนึ่งความมุ่งมั่นของ PFP ที่สะท้อนจุดยืนในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน คือการเลือกใช้วัตถุดิบที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน MSC (Marine Stewardship Council) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลในการรับรองการทำประมงอย่างยั่งยืน แนวทางนี้ไม่เพียงแต่ช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อระบบนิเวศและชุมชนชายฝั่งในระยะยาว
4. เดินหน้าสู่ Go Green ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20,000 ตัน
PFP ยึดแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการเติบโตของธุรกิจ โดยเดินหน้าแนวคิด Go Green อย่างจริงจัง พร้อมตั้งเป้าหมาย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Emissions) ลง 20,000 ตัน ภายในระยะเวลา 3 ปี เรานำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในทุกกระบวนการผลิต ตั้งแต่ระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพสูง การใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากโซลาร์ฟาร์มขนาด 17 ไร่ ไปจนถึงการจัดการของเสียด้วยแนวคิด Zero Waste โดยนำผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานไปใช้เลี้ยงแมลงทหารดำ (BSF) ซึ่งเป็นแหล่งอาหารแห่งอนาคต
5. จัดตั้ง “แปซิฟิค อินโนฟู้ด” ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารเพื่ออนาคต
กลุ่มบริษัท พี.เอฟ.พี. ได้จัดตั้งบริษัทในเครือ “แปซิฟิค อินโนฟู้ด จำกัด” เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอาหาร (Food Innovation) โดยเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปในกลุ่มรีทอร์ท (Retort) อาทิ ซอสและซุปหลากหลายสูตร อาหารปั่นเหลวเพื่อสุขภาพ รวมถึงเมนูอาหารเฉพาะทางที่ออกแบบตามความต้องการของลูกค้า บริษัทให้บริการแบบ One Stop Service อย่างครบวงจร ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาสูตร ทดลองผลิต จนถึงการผลิตจริง โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา และร่วมเป็นพันธมิตรในการพัฒนาสินค้าเพื่อความสำเร็จในตลาด ภายใต้แนวคิด “Food Future – นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต”
6. เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้องใหม่ ความอร่อยพร้อมเสิร์ฟ
PFP ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาเมนูพร้อมรับประทานที่ทั้งอร่อย มีคุณภาพ และสะดวกสบาย ล่าสุด ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้องใหม่ที่ได้รับความสนใจอย่างสูงในกลุ่มผู้รักสุขภาพและผู้ที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ ได้แก่ เต้าหู้ชีสไส้เห็ดทรัฟเฟิล รสชาติหอมละมุนจากทรัฟเฟิลแท้ ผสานเนื้อสัมผัสของเต้าหู้ชีสอย่างลงตัว , ซีฟู้ดโรล อัดแน่นด้วยวัตถุดิบคุณภาพในรูปแบบที่รับประทานง่าย , ชุดปาร์ตี้ แฮบปี้ เซต รวมหลากหลายเมนูฮิตในแพ็กเดียว ตอบโจทย์ทุกโอกาส ทั้งมื้อเร่งด่วน มื้อสังสรรค์ หรือมื้ออุ่นใจในบ้าน
7. บุกขยายตลาดร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ไฮเปอร์มาร์เก็ต และห้างท้องถิ่นมากขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์ขนาดพกพา 100–120 กรัม
กลยุทธ์นี้ช่วยเพิ่มการเข้าถึงผู้บริโภคและยกระดับการรับรู้แบรนด์ PFP ให้ครอบคลุมในวงกว้าง สะท้อนถึงความพร้อมขององค์กรในการตอบรับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคทั้งในแง่คุณภาพ ความสะดวก และความคุ้มค่าในทุกช่องทางจัดจำหน่าย อาทิ ชิกุว่า และชิกุว่าไส้ชีส สไตล์ญี่ปุ่น เนื้อแน่น หอมอร่อย , ทูโทนชีสไข่กุ้ง และ ทูโทนชีสแซลมอน เป็นต้น
8. โชว์ศักยภาพ “คลังวัตถุดิบโลก” เดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศเต็มรูปแบบ
ภายในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2025 กลุ่มบริษัท พี.เอฟ.พี ยังตอกย้ำบทบาทการเป็นคลังวัตถุดิบอาหารทะเลแปรรูปของโลก พร้อมขยายตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง
โดยในปีนี้ PFP เตรียมเปิดตัว ผลิตภัณฑ์ใหม่ 6 รายการสำหรับเจรจาธุรกิจคู่ค้าต่างประเทศ ได้แก่ Salmon Sausage ,Tuna Sausage , Cheesy Tofu , Fish Burger , Seafood Stick และ Mixed Seafood ผลิตภัณฑ์เหล่านี้พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเน้นทั้งรสชาติ ความสะดวกในการบริโภค และคุณค่าทางโภชนาการ อีกทั้งยังสามารถประยุกต์เป็นเมนูท้องถิ่นในตลาดต่างประเทศได้อย่างหลากหลาย ภายใต้แนวคิด “From the Ocean to Global Taste” พร้อมยึดมาตรฐานคุณภาพระดับสากลในทุกขั้นตอน
"กลยุทธ์การขยายตลาดต่างประเทศในปีนี้ มุ่งเน้นไปที่ กลุ่มประเทศ GCC และตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น อินเดีย อิสราเอล ตุรกี และอียิปต์ ผ่านการส่งเสริมการรับรู้แบรนด์ในต่างประเทศอย่างเข้มข้น นอกจากนี้ PFP ยังเดินหน้าสร้างกิจกรรมทางการตลาดร่วมกับพันธมิตรที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ เพื่อสร้างความถี่ในการสื่อสาร และเพิ่มมูลค่าการส่งออกอาหารไทยสู่เวทีโลก โดยเฉพาะความร่วมมือกับ LuLu Hypermarket ซูเปอร์มาร์เก็ตค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของ PFP มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจรายอื่น ๆ ทั่วโลก ภายใต้มาตรฐานเดียวกันในระดับสากล