รัฐคุมเข้ม “กรีนอินโนไทย” ชนะประมูลปุ๋ย-ชีวภัณฑ์ 919 ล้าน

ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน ปี 2567 ประเทศไทยประสบกับอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย อิทธิพลจากพายุโซนร้อน “พระพิรุณ” พายุไต้ฝุ่น “ยางิ” รวมถึงพายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ ของประเทศไทยมีฝนตกหนัก เกิดนํ้าท่วมและดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่ส่งผลให้พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยหลังนํ้าลด เพื่อให้มีรายได้ที่มากขึ้น และช่วยลดต้นทุนการผลิตสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ที่ได้จัดทำแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 จำนวน 8 โครงการได้รับอนุมัติวงเงินงบประมาณ วงเงิน 2,553.0098 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2567 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยในการลดต้นทุนการผลิตและให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ความคืบหน้าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งเป็น 1 ใน 8 แผนปฏิบัติที่อยู่ภายใต้โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 ครั้งที่ 1 ตามรายชื่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขที่กำหนดไว้ในคู่มือโครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 โดยมีเกษตรกร 68,155 ราย พื้นที่เสียหายสิ้นเชิง 511,681.45 ไร่ วงเงิน 1,158.54 ล้านบาท แยกเป็น ค่าเมล็ดพันธุ์ข้าว สารชีวภัณฑ์ ปุ๋ยอินทรีย์เหลว (ชนิดนํ้า) ปุ๋ยเคมี จำนวน 1,571.35 ล้านบาท เป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อปัจจัยการผลิตให้เกษตรกร ฟื้นฟูเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหลังนํ้าลดจากอุทกภัย รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิตข้าวและมีรายได้เพิ่มขึ้นตามเป้าหมายของรัฐบาล

 “เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 กรมการข้าวได้ประกาศผู้ชนะการเสนอประกวดราคาซื้อปัจจัยการผลิตโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 ได้แก่ บริษัท กรีนอินโนไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาตํ่าสุด โดยเสนอราคาเป็นเงินกว่า 919 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ๆ ตํ่ากว่างบประมาณที่ตั้งไว้ 1,996,895 บาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 0.22 ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการวิเคราะห์ปุ๋ย สารชีวภัณฑ์ ของกรมวิชาการเกษตร เพื่อตรวจสอบในเรื่องคุณภาพมาตรฐานสินค้าในทุกล็อต ทุกสูตร อย่างรอบคอบ ซึ่งโดยหลักกรมการข้าวมีหน้าที่ตรวจรับปริมาณเท่านั้น”

นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวถึงขั้นตอนว่า หลังจากประกาศผู้ชนะแล้วไม่ใช่จะแจกปัจจัยการผลิตแก่เกษตรกรได้ทันที แต่จะมีการตรวจแหล่งผลิต ก่อนที่บริษัทจะส่งปุ๋ยและชีวภัณฑ์ให้ถึงจุดรับ และเมื่อถึงจุดรับแล้ว ทางการจะต้องสุ่มตรวจอีกรอบก่อนที่จะแจกจ่ายให้กับเกษตรกร ซึ่งต้องมีความรัดกุม ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องส่งให้กรมวิชาการเกษตรรับรอง อธิบดีกรมการข้าวถึงจะเซ็นรับได้

ทั้งนี้ต้องเป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ต้องเป็นปุ๋ยเคมีเต็มสูตร ส่วนปุ๋ยอินทรีย์ ก็ต้องไปขึ้นบัญชีนวัตกรรม เรียกได้ว่าจะมีตรวจเข้า-ตรวจออก และตรวจจุดรับมอบ ซึ่งได้ใส่งบประมาณตรงนี้เข้าไปมากเพราะต้องการให้เกษตรกรได้ใช้ปุ๋ยเต็มสูตร มีคุณภาพที่ดี เพื่อให้เกษตรกรได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย คาดจะส่ง “ปุ๋ย-ชีวภัณฑ์” รอบแรกให้เกษตรกรได้ปลายเดือนพฤษภาคมนี้ โดยเมื่อบริษัทส่งสินค้าแล้วก็ยังไม่สามารถรับเงินได้ จะต้องมีการสุ่มตรวจวิเคราะห์อีกรอบจากกรมวิชาการเกษตร

ด้าน ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ล่าสุดทางกระทรวงเกษตรฯ ได้ของบกลางเพิ่มเติม ในส่วนของภาคใต้ กับภาคเหนือเพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี

หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,098 วันที่ 22 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2568