สหรัฐลงทุนไทยปี 68 สัญญาณวูบ สวนทางไทยขยายลงทุนในสหรัฐพุ่ง

17 พ.ค. 2568 | 22:30 น.

สหรัฐส่งสัญญาณลดการลงทุนในไทย ยอดขอรับส่งเสริม 3 เดือนแรกไม่ติดในกลุ่ม 10 อันดับแรก ขณะดึงทุนไทยขยายลงทุนสหรัฐเพิ่ม สนองนโยบาย America First” โดนัลด์ ทรัมป์ วิจัยกรุงศรี-ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจชี้แนวโน้มอเมริกาลงทุนไทยปีนี้แผ่ว จากเศรษฐกิจวูบ สงครามการค้าจีนลากยาว

ปี 2567 สถิติการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ในไทย พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ข้อมูลจากบีโอไอมีคำขอรับการส่งเสริมทั้งสิ้น 2,050 โครงการ เพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับปีก่อน มูลค่าเงินลงทุน 832,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยนักลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และญี่ปุ่น ตามลำดับ

 อย่างไรก็ดี ที่น่าจับตามองคือการลงทุนจากสหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เข้ามาบริหารประเทศเป็นครั้งที่สอง (ทรัมป์ 2.0) เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 และมีนโยบาย “America First” โดยมีเป้าหมายดึงการลงทุนของสหรัฐในต่างประเทศกลับไปลงทุนในประเทศ และเชิญชวนต่างชาติ เข้าไปลงทุน เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพิ่มการจ้างงาน ลดการนำเข้าสินค้า และลดการขาดดุลการค้ากับต่างประเทศผ่านการทำสงครามการค้าโดยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ

ทั้งนี้จากข้อมูลในปี 2567 สหรัฐเป็นนักลงทุนอันดับ 7 ที่มาขอรับการส่งเสริมการลงทุนในไทย มีจำนวนทั้งสิ้น 66 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 25,739 ล้านบาท ขณะช่วง 3 เดือนแรกปี 2568 สหรัฐไม่ติดกลุ่ม 10 อันดับแรกของต่างชาติที่มาขอรับการส่งเสริมการลงทุนในไทย ซึ่งคำถามคือ มีสาเหตุจากอะไร

สหรัฐลงทุนไทยปี 68 สัญญาณวูบ สวนทางไทยขยายลงทุนในสหรัฐพุ่ง

วิจัยกรุงศรี วิเคราะห์ว่า ปัจจัยที่มีผลต่อนักลงทุนสหรัฐในปี 2568 มี 5 ปัจจัยได้แก่

1.การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ พบว่า ตลาดแรงงานมีการเติบโตช้า โดยอัตราการว่างงาน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ความต้องการจ้างแรงงานลดลง

2.ภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งในภาคธุรกิจและครัวเรือน โดยเฉพาะการรีไฟแนนซ์หนี้ของภาคธุรกิจ ที่คาดว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2568-2569 ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรและการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนใหม่ในอนาคต

3. ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเงิน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมและการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยในปี 2568 เศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโตเพียงร้อยละ 2.7 ลดลงจากร้อยละ 2.8 ในปี 2567

4. ปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน คาดยังมีแนวโน้มรุนแรง อาจนำไปสู่ภาวะชะลอตัว ในการผลิตและการลงทุน

และ 5. ผลกระทบจากนโยบายการค้าสหรัฐ (America First Policy) ที่ส่งเสริมการลงทุนในประเทศ

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน

สอดคล้องกับรองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน ที่ให้ความเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การขอรับการส่งเสริม และการลงทุนของสหรัฐในไทยในปีนี้คาดจะลดลง ส่วนหนึ่งจากนโยบายดึงการลงทุนกลับประเทศของทรัมป์ ขณะที่ภาคธุรกิจของไทยจะไปขยายการลงทุนในสหรัฐเพิ่มตามคำเชิญชวนของสหรัฐ เพื่อลดแรงกดดันด้านการค้าที่ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐมาก และมีความเสี่ยงถูกตอบโต้จากอัตราภาษีนำเข้าสินค้าสูง

ขณะที่ข้อมูลจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุ ณ ปัจจุบันการลงทุนสะสมของไทยในสหรัฐมีมูลค่ากว่า 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 620,000 ล้านบาท) มีการจ้างงานชาวอเมริกันประมาณ 12,000 ตำแหน่ง สะท้อนถึงศักยภาพการขยายการลงทุนเพิ่มเติมของไทยในสหรัฐ

 ล่าสุดมีภาคธุรกิจของรัฐและเอกชนรายใหญ่ ภายใต้การนำของสำนักงานผู้แทนการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เข้าร่วมงาน SelectUSA Investment Summit 2025 ซึ่ง 50 มลรัฐของสหรัฐได้เชิญชวนการลงทุน ทั้งนี้มีภาคเอกชนรายใหญ่ของไทยได้ประกาศจะขยายการลงทุนเพิ่มในสหรัฐ อาทิ ซีพีกรุ๊ป,บ้านปู, เอ็กโก กรุ๊ป, Indorama Ventures และ Thai Summit America Corporation เป็นต้น บ่งชี้ว่านักลงทุนไทยพร้อมจะขยายการลงทุนในสหรัฐเพิ่มในปีนี้