นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า วันนี้ (8 พ.ค.68) นายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ จัดประชุมเวลา 14.30น. มีวาระสำคัญ ที่ชาวสวนทั้งประเทศให้ความสนใจ ก็คือการจัดทำโครงสร้างราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม โดยผู้ทำวิจัยก่อนหน้านี้ลงไปสอบถามห่วงโซ่ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเกษตรกรด้วย ทำให้งานวิจัยเอื้อเอกชนมากกว่าเกษตรกร
“ขอฝากถึงรัฐบาล ควรจะทำโครงสร้างราคาปาล์ม โดยเฉพาะการแบ่งปันรายได้ให้เกษตรกรในส่วน “เมล็ดในปาล์ม” ได้รับความยุติธรรม ไม่ใช่ 100% และให้เกษตรกรแค่ 10% วันนี้เลยพาเกษตรกรบางส่วนมาสังเกตการณ์พร้อมกับชูป้ายแสดงจุดยืน"
นายอธิราษฎร์ ดำดี นายกสมาคมชาวสวนปาล์มนํ้ามันกระบี่ และอดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายปาล์มนํ้ามันแห่งชาติ (กนป.) กล่าวว่า ทุกประเทศปาล์มน้ำมัน ให้เมล็ดในเต็ม100% ในรายได้รวมของปาล์มน้ำมันของเกษตรกร แล้วคิดค่าใช้จ่ายตามจริงมาหักเป็นส่วนของโรงงาน ฝ่ายโรงงานปาล์มในไทย จะถือเอาสิทธิอะไรมาเอารายได้จากเมล็ดในไปทั้งหมด มูลค่ารายได้จากเมล็ดใน เฉลี่ย 28,000ล้านบาทต่อปี ในขณะที่รายได้จากน้ำมันปาล์มดิบ 110,000 ล้านบาท คิดเฉลี่ยอัตรา 18%
ถ้าสามารถควบคุมการทำเปอร์เซนต์น้ำมันให้เพิ่มขึ้นได้ อีก 2% เป็น20% เท่ากับมาเลเซีย รายได้น้ำมันปาล์มจะเพิ่มขึ้นเป็น132,000ล้านบาท โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มขึ้นเลย รายได้ประชาชาติเพิ่มขึ้นอีก 12,000 ล้านบาท ดังนั้นเสนอค่าการผลิต ใช้ตามค่าที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เคยนำเสนอ และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามโครงสร้างต้นทุนการผลิตที่เปลี่ยนแปลง ควรพิจารณาถึงค่าเฉลี่ยในระดับสากลที่เนาต้องแข่งขันกับตลาดระดับสากล
สำหรับ “เมล็ดในปาล์ม” ที่เป็นแก่นอยู่ในสุดของผลปาล์ม มีลักษณะเป็นเมล็ดสีขาวขุ่น ค่อนข้างแข็ง ซึ่งเป็นส่วนที่พบได้เมื่อผ่านกระบวนการหีบแยกของแข็งออกจากของเหลวที่ได้คือนํ้ามันปาล์ม ที่ต้องผ่านกระบวน การกรองแยกต่อไป ทั้งนี้ของแข็งที่ได้จากการผ่านกระบวนการหีบจะได้ออกมาเป็นเมล็ดปาล์ม (Palm Nut) เมื่อนำไปผ่านกระบวนการขัดและกะเทาะเปลือกเมล็ดปาล์มด้านนอกออก จะพบเมล็ดในปาล์ม (PK) ที่ยังสามารถนำไปสกัดเป็นนํ้ามันเมล็ดในปาล์มต่อไปได้
โดยบริษัทผู้ค้าได้จำหน่ายเมล็ดในปาล์มให้กับลูกค้ากลุ่มโรงสกัดนํ้ามันเมล็ดในปาล์ม และโรงสกัดนํ้ามันปาล์มที่มีการสกัดเมล็ดในปาล์ม และกลุ่มเทรดเดอร์เพื่อนำไปเข้าสู่กระบวนการสกัดนํ้ามันเมล็ดในปาล์มอีกครั้งและพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อุตสาหกรรมเบเกอรี่ เป็นต้น ปัจจุบันราคาเฉลี่ยเมล็ดในปาล์ม ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2568 อยู่ที่ 8-32 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) ทั้งนี้ผลผลิตไม่เพียงพอต่อภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ต้องนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน