สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า รายงานว่า ธุรกิจโลจิสติกส์มีจำนวนนิติบุคคลรวม 45,346 ราย โดยเปิดกิจการใหม่ 307 ราย ลดลง 4.4% และปิดกิจการ 49 ราย เพิ่มขึ้น 44.1% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ธุรกิจโลจิสติกส์ที่น่าจับตามอง คือการขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึงคนโดยสาร ซึ่งเปิดกิจการใหม่ จำนวน 163 ราย โดยมีจำนวนมากเป็นอันดับ 1 ของธุรกิจโลจิสติกส์ที่เปิดใหม่ทั้งหมด และมีอัตราการเติบโต 5.8% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และกิจกรรมตัวแทนรับจัดการส่งสินค้าและตัวแทนออกของ (ตัวแทนดำเนินพิธีการศุลกากร) ซึ่งเปิดกิจการใหม่จำนวน 33 ราย และมีอัตราการเติบโต 22.2% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
การลงทุนจากต่างประเทศในธุรกิจโลจิสติกส์ (ก.พ. 2568) มูลค่า 238.14 ล้านบาท คิดเป็น 7.52% ของการลงทุนในกลุ่มโลจิสติกส์ในประเทศไทย สัญชาติที่มีการลงทุนมากที่สุด ได้แก่ จีน สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา เมียนมา และสวิตเซอร์แลนด์ ตามลำดับ
สำหรับธุรกิจที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนมากที่สุด ได้แก่ กิจกรรมตัวแทนรับจัดการส่งสินค้าและตัวแทนออกของ (ตัวแทนดำเนินพิธีการศุลกากร) คิดเป็น 24.55% ของการลงทุนจากต่างชาติในกลุ่มโลจิสติกส์ในประเทศไทยพัฒนาการโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของไทยและประเทศในอาเซียน
ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมของไทยอยู่ระหว่างการศึกษา การออกแบบและทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการก่อสร้างสะพานรถไฟมิตรภาพไทย-ลาว (หนองคาย-นครหลวงเวียงจันทน์) แห่งที่ 2 โดยคาดว่าการออกแบบจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2568 ก่อนนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี การลงนามข้อตกลง การร่วมมือในการก่อสร้าง และคาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างในไตรมาสที่ 3 ของปี 2569 และเปิดให้บริการในปี 2572
โดยสะพานดังกล่าวจะรองรับทางรถไฟขนาดมาตรฐาน 1 คู่ และทางรถไฟความเร็วสูงอีก 1 คู่ รองรับทั้งการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารในเส้นทางไทย-ลาว-จีนในการเดินทางเยือนมำเลเซียของนายกรัฐมนตรีไทย เมื่อวันที่ 15–16 ธันวาคม 2567 ทั้งสองฝ่ายได้ตั้งเป้าขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้ถึง 30,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2570 และได้หารือในประเด็นการเชื่อมโยงเครือข่ายโลจิสติกส์รวมถึงรถไฟ ASEAN Express ซึ่งจะเชื่อมโยงการขนส่งในอาเซียนเข้าสู่จีน และเชื่อมโยงไปถึงยุโรปได้
ด้านเวียดนาม อยู่ระหว่างเร่งรัดโครงการก่อสร้าง ทางรถไฟเส้นทางหล่าวกาย-กรุงฮานอย-ไฮฟอง ซึ่งจะเชื่อมต่อการขนส่งทางรถไฟระหว่างท่าเรือสำคัญทางชายฝั่งตะวันออกของเวียดนามกับเครือข่ายการขนส่งทางรถไฟของจีน คาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในปี 2573
ธุรกิจตัวแทนส่งสินค้าในต่างประเทศ มีมูลค่าประมาณ 1.11 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 2567 และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีมูลค่าประมาณ 1.39 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2571 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 5.8% ต่อปี
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจตัวแทนส่งสินค้า อาทิการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล AI, IoT, และ Blockchainการใช้แนวทางโลจิสติกส์สีเขียวและระบบอัตโนมัติและการขยายตัวของธุรกิจ E-commerce ข้ามพรมแดนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เป็นตลาดที่มีธุรกิจตัวแทนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของโลกในปี2566
โดยมีมูลค่าประมาณ 7 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็น 35% ของทุกภูมิภาคในโลก
ธุรกิจตัวแทนส่งสินค้าในสหรัฐฯ มีมูลค่าประมาณ 2.58 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี2566 และคาดว่ามูลค่าจะเติบโตเป็น 3.50 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี2573
โดยปัจจัยที่สนับสนุนธุรกิจ Freight Forwarder ในสหรัฐฯ อาทิการเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศสูงที่สุดในโลกการมีโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่พัฒนาสูง การมีตลาด E-commerce ขนาดใหญ่ โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 119.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2567
สหรัฐฯ มีท่าอากาศยานสำคัญคือ ท่าอากาศยานนานาชาติเมมฟิส (Memphis International Airport) ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าอากาศยานที่ปริมาณขนส่งทางอากาศมากที่สุดในโลก และเป็นท่าอากาศยานหลักของบริษัท FedEx ในการจัดการ การขนส่งสินค้าทางอาการ
ธุรกิจตัวแทนส่งสินค้าในเยอรมนี มีมูลค่าประมาณ 1.67 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี2566 และคาดว่ามูลค่าจะเติบโตเป็น 2.60 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี2573 ปัจจัยที่สนับสนุนธุรกิจ Freight Forwarder ในเยอรมนีอาทิการมีที่ตั้งอยู่กลางทวีปยุโรป ท าให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์สำคัญการเป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ และมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ
โดยมีท่าเรือ สนามบิน และระบบรางที่ ทันสมัย สนับสนุนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เยอรมนีมีท่าเรือสำคัญ คือ ท่าเรือฮัมบูร์ก (Port of Hamburg) เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนีและเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของยุโรป โดยเป็นท่าเรือที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์มากที่สุดในเยอรมนีรองรับการขนส่งสินค้าระหว่าง ประเทศมากกว่า 130 ล้านตันต่อปีและเชื่อมต่อกับเครือข่ายโลจิสติกส์ทั่วโลก
ธุรกิจตัวแทนส่งสินค้าในเกาหลีใต้มีมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี2566 และคาดว่ามูลค่าจะเติบโตเป็น 1.31 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2573 จุดเด่นของเกาหลีใต้ที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจตัวแทนส่งสินค้า อาทิการเป็นประเทศผู้น าด้านเทคโนโลยีการมีตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ดีโดยมีพรมแดนติดกับทะเลจีนตะวันออก ทะเลเหลือง และทะเลญี่ปุ่น ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าถึงตลาดหลัก ๆ อาทิ จีน ญี่ป่นุ และภูมิภาคอาเซียนได้สะดวก ตลอดจนการมีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เช่น ท่าเรือปซู าน (Port of Busan) ท่าเรือปูซานเป็นท่าเรือถ่ายลำสินค้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และเป็นท่าเรือคอนเทนเนอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก ในปี 2567
นอกจากนี้ยังเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้โดยท่าเรือปูซานรองรับ 96.8% ของสินค้าถ่ายล าทั้งหมดของเกาหลีใต้ โดยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และเชื่อมต่อกับ 500 ท่าเรือใน 150 ประเทศทั่วโลกผ่าน 179 เส้นทางเดินเรือประจำสัปดาห์