นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล เลขาธิการสมาพันธ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ทางสมาพันธ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้รับทราบข่าวเกี่ยวกับประเด็นที่สหรัฐอเมริกามีความต้องการให้ประเทศไทยเปิดตลาดสินค้าเกษตร โดยมีสินค้าเกษตรที่สนใจ 4 รายการได้แก่ เนื้อวัว, เนื้อหมู,ถั่วเหลือง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทางสมาพันธ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ มีข้อคิดเห็นต่อการเปิดตลาดสินค้าเกษตรสำคัญทั้ง 4 รายการดังต่อไปนี้
1.สินค้าเนื้อวัวและเครื่องใน เนื้อหมูและเครื่องใน ไทยยังไม่ควรพิจารณาเปิดตลาด เนื่องจากประเทศไทยยังคงมีการใช้กฎหมายภายในประเทศที่ปกป้องสุขอนามัยของผู้บริโภคในประเทศ อาทิ การห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติควบคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2558 รวมถึงประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ พ.ศ. 2559 เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเชื้อดื้อยาในผู้บริโภค ดังนั้นสินค้านำเข้าจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายภายในประเทศซึ่งมีไว้เพื่อคุ้มครองสุขอนามัยของผู้บริโภคในประเทศด้วย
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องต้นทุนสินค้าที่ยังไม่สามารถแข่งขันได้ แม้สินค้าบางรายการจะเป็นสินค้าพรีเมียมที่มีกลุ่มผู้บริโภคต่างกัน เช่น เนื้อวัว แต่ในภาพรวมถือเป็นสินค้าที่จะเข้ามาแย่งการบริโภคในไทย ย่อมส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงภายในประเทศ ตลอดจนห่วงโซ่ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะต้นน้ำ อาทิ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าว และมันสำปะหลัง ดังนั้นจึงต้องมีการพิจารณาผลกระทบกับผู้เกี่ยวข้องให้รอบด้านก่อน เพราะผู้ตัดสินใจจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
2.ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สามารถเปิดตลาดให้สหรัฐอเมริกาได้ โดยต้องยกเลิกภาษีนำเข้า แต่สามารถกำหนดปริมาณนำเข้าให้เท่ากับปริมาณความขาดแคลนในประเทศ และกำหนดช่วงเวลานำเข้าไม่ให้กระทบกับฤดูกาลเก็บเกี่ยวของไทย (เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนสิงหาคม) รวมถึง กำหนดคุณสมบัติผู้นำเข้าเพื่อใช้ในการผลิตอาหารสัตว์เท่านั้นห้ามจำหน่ายจ่ายแจกเช่นเดียวกันสินค้าเมล็ดถั่วเหลือง
ปัจจุบันความต้องการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่ที่ 9.2 ล้านตัน ผลิตในประเทศไทย 5 ล้านตัน ยังขาดอีก 4.2 ล้านตันต่อปีที่ผ่านมามีการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน 2 ล้านตัน และนำเข้าข้าวสาลีอีกประมาณ 1.7 ล้านตัน ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะเปลี่ยนการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านไปนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา แทน ในปริมาณ 2 ล้านตัน (ยังไม่รวมผลิตภายในประเทศที่จะรับชื้อไม่ได้หากมีการเผาแปลง)
ทั้งนี้หากประเทศเมียนมาพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการเผายังคงต้องเปิดตลาดนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาไว้เช่นเดิม เพื่อให้เกิดการแข่งขันระหว่างการ การเปิดตลาดนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นอกจากจะสร้างดุลการค้าระหว่างไทย -สหรัฐอเมริกาให้ใกล้เคียงกันมากขึ้นแล้ว ยังแก่ไขประเด็นข้อกล่าวหา เรื่อง หมอกควันข้ามแดนที่ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 จากการลดนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งการนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐอเมริกายังช่วยลดต้นทุนการผลิตให้ภาคปศุสัตว์ไทยอีกด้วย
3. ถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง ปัจจุบันมีการเปิดตลาดนำเข้าอยู่แล้ว เพียงแต่ประเทศนำเข้าหลักของไทย คือประเทศบราซิล ด้วยเหตุผลด้านต้นทุน เนื่องจากโปรตีนจากถั่วเหลืองของประเทศบราซิลสูงกว่าสหรัฐอเมริกา ซึ่งในอนาคตมีโอกาสที่จะนำเข้าจากสหรัฐอเมริกามากขึ้นได้ หากสหรัฐอเมริกาสามารถจำหน่ายถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองในราคาที่แข่งขันได้ การลดอัตราภาษีกากถั่วเหลือง 2% จะช่วยจูงใจให้นำเข้าได้มากขึ้น
“ฝ่ายปศุสัตว์ไทย ขอร้องว่าอย่าให้นำเข้ามาเลยที่สำคัญหากปล่อยให้หมูและโคเนื้อนำเข้าได้ จะทำให้ธุรกิจหมูและโคเนื้อเสียหาย ทำให้เกษตรกรเลิกเลี้ยงก็กระทบกับอาหารสัตว์ ในขณะเดียวกันถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง ไทยนำเข้าจากสหรัฐฯอยู่แล้ว และเมื่อถูกกระทบจากหมูและโคเนื้อนำเข้า ทำให้ธุรกิจอาหารสัตว์ขายได้น้อยลง ก็ต้องลดการนำเข้าถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง
กระทบเป็นลูกโซ่กลับไปที่เกษตรกรชาวสหรัฐฯอีก และลามกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ด้วย เพราะถ้าจะนำเข้าก็เข้าไม่ได้เพราะเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูเจ๊งหมดแล้ว เป็นเหตุผลที่รัฐบาลควรจะชี้แจงและทำความเข้าใจถึงผลกระทบดังกล่าวนี้ ซึ่งจะมีการประชุมหารือที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ คาดว่าจะมีข้อสรุปจากทุกฝ่ายรอบด้าน” นายพรศิลป์ กล่าวในตอนท้าย
อนึ่ง สมาพันธ์ฯ ประกอบด้วย 1.สมาคมปศุสัตว์ไทย 2.สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ 3.สมาคมผู้ผลิตและแปรรูปสุกรเพื่อการส่งออก 4.สมาคมกุ้งไทย 5.สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ 6.สมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาไทย 7.สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ 8.สมาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ 9.สมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย 10.สมาคมผู้เลี้ยงเป็ดเพื่อการค้าและการส่งออก 11.สมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทย 12.สมาคมผู ้เลี้ยงไก่พันธุ์ 13.สมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อ 14.สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย และ15.สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย