วันนี้ ( 26 กุมภาพันธ์ 2568 ) นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวไทย สะสมตั้งแต่ 1 มกราคม ถึง 24 กุมภาพันธ์ อยู่ที่ 1.1 ล้านตัน เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งออกได้ 1.6 ล้านตัน หรือลดลง 32% โดยยังคงคาดการณ์ส่งออกทั้งปี 2568 ที่ 7.5 ล้านตัน
สำหรับปัจจัยหลักกดดันส่งออกข้าวไทย ต้นปี คือ อินเดียการกลับมาส่งออกข้าวขาว สต๊อกข้าวโลกเพิ่มจากผลิตประเทศส่งออกและนำเข้ารวมถึง 10 ล้านตัน หรือเพิ่ม 2% จาก 522 ล้านตัน เป็น 532 ล้านตัน
ขณะเดียวราคาข้าวไทยถือแพงสุดในโลก อีกทั้งหลายประเทศปรับโครงสร้างนำเข้าภายใน และค่าเงินบาทผันผวน
สำหรับการส่งออกไตรมาสแรก ปีนี้น่าจะเหนื่อย คาดว่าจะมีการส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 6 แสนตัน รวมแล้วไม่เกิน 2 ล้านตัน ซึ่งปีที่ผ่านมาไตรมาสแรกมีการส่งออกข้าว 3 ล้านตัน
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ผลผลิตข้าวของประเทศไทยในปีนี้น่าจะออกมาเป็นจำนวนมาก เนื่องชาวนาปลูกข้าวมากขึ้น ขณะที่ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักมีเพียงพอ โดยเฉพาะสำหรับการทำนาปรัง ขณะที่ต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง ช่น ค่าปุ๋ย ค่ายา ทำให้ชาวนาได้รับความเดือดร้อน
ปัจจุบันราคาข้าวเปลือกที่ตกต่ำนั้น รัฐบาลควรเข้ามาช่วยในเรื่องต้นทุนการผลิตและปัจจัยการผลิต ไม่ใช่เรื่องราคา เพราะหากราคาข้าวไทยสูงเกินไป ก็จะส่งออกไม่ได้ และทำให้ข้าวล้นอยู่ในประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรเร่งรัดการพัฒนาพันธุ์ข้าวไทยให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น เนื่องจากปัจจุบันผลผลิตข้าวไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 400 กิโลกรัมต่อไร่ ต่ำที่สุดในโลก เทียบกับเวียดนามที่ผลผลิตข้าวอยู่ที่เฉลี่ย 800 กิโลกรัมต่อไร่ และสหรัฐที่ผลผลิตข้าวอยู่ที่เฉลี่ย 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ รวมทั้งต้องเป็นพันธุ์ข้าวที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลกด้วย นอกจากนี้ภาครัฐควรต้องเข้ามาดูแลให้อัตราแลกเปลี่ยนมีเสถียรภาพไม่แกว่งตัวจนเกินไป