‘คมนาคม’ เบรกย้าย 3 สถานีขนส่ง ‘บขส.’ เข้าสถานีกลางกรุงเทพฯ

20 ต.ค. 2568 | 01:00 น.

“มัลลิกา” รมช.คมนาคม สั่งเบรก ‘บขส.’ ย้าย 3 สถานีขนส่งหมอชิต 2-เอกมัย-สายใต้ ลุยปรับโฉมพื้นที่เดิม 100 ไร่ เตรียมชงงบ 3.6 พันล้านบาท ลุ้นพ.ย.นี้ ‘คมนาคม’ ไฟเขียว เดินหน้าปรับปรุงหมอชิต 2

KEY

POINTS

  • กระทรวงคมนาคมยืนยันนโยบายปัจจุบันให้สถานีขนส่งผู้โดยสาร 3 แห่ง คือ หมอชิต 2 เอกมัย และสายใต้คงอยู่ที่เดิม โดยระงับแนวคิดการย้ายไปรวมที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
  • มุ่งเน้นการพัฒนาสถานีขนส่งเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมจัดระบบขนส่งมวลชนรอง (Feeder) เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางให้ครอบคลุม
  • บขส. เดินหน้าแผนพัฒนาสถานีขนส่งหมอชิต 2 ในพื้นที่เดิม โดยเตรียมเสนอของบประมาณ 3,600 ล้านบาท คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2572

นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรณีที่ยุคนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีแนวคิดศึกษาแนวทางการย้ายสถานีขนส่งหมอชิต 2 สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีขนส่งสายใต้ ภายใต้การรับผิดชอบของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์นั้น 

“ปัจจุบันยังไม่มีแนวคิด หรือนโยบายย้ายสถานีขนส่งทั้ง 3 แห่งดังกล่าวไปพื้นที่อื่น โดยยังให้อยู่ที่เดิม แต่ต้องมีการพัฒนาให้ดีมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจัดระบบขนส่งมวลชนรอง (Feeder) เชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่นๆ อย่างครอบคลุม” นางสาวมัลลิกา กล่าว 

นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า ขณะนี้ บขส. อยู่ระหว่างดำเนินโครงการพัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 ขนาดพื้นที่ 80 ไร่ โดยในปี 2568 บขส. ได้รับจัดสรรงบประมาณแผ่นดินจำนวน 39 ล้านบาท เพื่อจ้างที่ปรึกษาพัฒนาพื้นที่สถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 

‘คมนาคม’ เบรกย้าย 3 สถานีขนส่ง ‘บขส.’ เข้าสถานีกลางกรุงเทพฯ

ทั้งนี้ในปัจจุบันผลการศึกษาดำเนินการแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างเตรียมเสนอของบประมาณแผ่นดินในปีงบประมาณ 2570 วงเงิน 3,600 ล้านบาท เพื่อดำเนินการพัฒนาสถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 ในพื้นที่เดิมที่ให้บริการอยู่ปัจจุบัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการให้บริการประชาชน 
 

นายอรรถวิท กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาโครงการฯ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ (บอร์ด) บขส. แล้ว อยู่ระหว่างเตรียมเสนอกระทรวงคมนาคมอนุมัติภายในเดือนพฤศจิกายน 2568 ก่อนเสนอไปยังสำนักงบประมาณ

จากนั้นจะเสนอต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์เห็นชอบตามกระบวนการภายในปี 2569 หากได้รับจัดสรรงบประมาณ คาดว่าจะเริ่มพัฒนาในปี 2570 ใช้ระยะเวลา 3 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2572 ตามแผน

สำหรับแผนพัฒนาดังกล่าว แบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย อาคารสถานีขนส่งผู้โดยสาร ชานชาลา อาคารรับ - ส่ง พัสดุภัณฑ์ สถานีเดินรถโดยสารขนาดเล็ก (มินิบัส) 

‘คมนาคม’ เบรกย้าย 3 สถานีขนส่ง ‘บขส.’ เข้าสถานีกลางกรุงเทพฯ

นอกจากนี้ยังมีจุดบริการชาร์จรถโดยสารไฟฟ้าในอนาคต จุดจอดแท็กซี่ จุดเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ อาทิ รถเมล์ และรถแท็กซี่ รวมถึงที่พักพนักงาน พร้อมทั้งพัฒนาพื้นที่ด้านข้างบริเวณอู่หมอชิต ขนาดพื้นที่ 20 ไร่ สร้างเป็นจุดพักคอยผู้โดยสาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมานายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปดำเนินการพิจารณาและศึกษาแนวทางการย้ายสถานีขนส่งทั้ง 3 แห่งดังกล่าว 
 

ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ และนักท่องเที่ยว สามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะด้วยรถไฟไทย รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีน้ำเงิน ที่สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีอื่นๆ 

‘คมนาคม’ เบรกย้าย 3 สถานีขนส่ง ‘บขส.’ เข้าสถานีกลางกรุงเทพฯ

ขณะที่รูปแบบแนวคิดที่จะดำเนินการจะศึกษาโดยใช้โมเดลจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำมาพัฒนาและประยุกต์ใช้ในประเทศไทย อาทิ สถานีฮากาตะ ซึ่งเป็นสถานีโดยสารอาคารสูง ภายในอาคารมีศูนย์อาหาร และแหล่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้บริการอย่างครบถ้วน ซึ่งในแต่ละชั้นจะแบ่งรถโดยสารแต่ละสายเส้นทาง ตามภูมิภาค และจังหวัดอย่างชัดเจน

สำหรับการออกแบบเป็นสถานีขนส่งในรูปแบบอาคารสูง และกำหนดตำแหน่งที่ตั้งใกล้กับสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วน โดยการพัฒนาอาคารสูงจะแบ่งชั้นการให้บริการอย่างชัดเจน เช่น ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินไปทางภาคใต้ และภาคตะวันตก 

‘คมนาคม’ เบรกย้าย 3 สถานีขนส่ง ‘บขส.’ เข้าสถานีกลางกรุงเทพฯ

ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคเหนือ ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางไปภาคตะวันออก และพื้นที่โดยรอบกรุงเทพมหานคร (กทม.)

อย่างไรก็ดีภายในตัวอาคารผู้โดยสารจะมีการพิจารณาออกแบบเป็นชั้นใต้ดินสำหรับให้รถเมล์ ขสมก. รวมถึงสำหรับรถแท็กซี่ เพื่อให้เข้ามารับส่งผู้โดยสาร ขณะที่ในส่วนของชั้นที่สูงขึ้นไป จะออกแบบเพื่อทำเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ อาทิ

ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของฝาก เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถมีที่พักคอยก่อนจะถึงเวลารถออก และรายได้จากการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ สามารถนำมาใช้ในการบริหารจัดการ และซ่อมบำรุงรักษาตัวอาคารผู้โดยสารได้อีกด้วย