KEY
POINTS
นายสุรชัย หนูพรหม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการศึกษาความเป็นไปได้ในการให้บริการควบคุมอากาศยานทางทะเล (Seaplane) เพื่อเป็นทางเลือกให้นักท่องเที่ยว และช่วยลดความแออัดภายในสนามบินหลักของประเทศนั้น
ในปัจจุบันทางกระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้บวท.เร่งเดินหน้าโครงการดังกล่าว โดยนำร่องในรูปแบบโครงการทดลองอากาศยานทางทะเล ซึ่งจะนำร่องที่เกาะกระดานแซนด์บ็อกซ์ จังหวัดตรัง เนื่องจากเป็นพื้นที่นำร่องและทดสอบแห่งแรกในประเทศไทย จากนั้นจะนำผลการศึกษาที่ได้ไปใช้ประกอบการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ก่อนพิจารณาการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ต่อไป
สำหรับขั้นตอนในการดำเนินโครงการฯ เบื้องต้นจะมีการตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการทดลองอากาศยานทางทะเล ซึ่งจะนำร่องที่เกาะกระดานแซนด์บ็อกซ์ จังหวัดตรัง คาดว่าจะเริ่มจัดตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าวได้ภายในตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ ก่อนดำเนินการขับเคลื่อนทดสอบแซนด์บ็อกซ์บนพื้นที่จริงภายในสิ้นปีนี้ โดยโครงการนี้จะมีผู้ว่าราชการจังหวัดตรังเป็นองค์ประกอบหลักในการดูแล
ขณะเดียวกันหลังทดสอบแซนด์บ็อกซ์บนพื้นที่จริงแล้วเสร็จ จากนั้นจะดำเนินการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ใช้ระยะเวลาประมาณ 180 วัน หรือประมาณ 6 เดือน เพื่อสรุปผลการศึกษาและประเมินว่าโครงการมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่
หากผลสรุปรายงาน IEE ออกมาในเชิงบวก คาดว่าจะมีการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์จะสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงกลางปี 2569
“คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการทดลองอากาศยานทางทะเลจะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (IEE) คือ เรื่องเสียงใบพัดของเครื่องบินและผลกระทบจากความถี่หรือความแรงของน้ำที่เกิดจากการขึ้น-ลงของเครื่องบินต่อปะการัง ในพื้นที่ทะเลอันดามัน หากผลการศึกษาชี้ว่ามีผลกระทบจะต้องมีการแก้ไขเพื่อลดผลกระทบก่อนได้รับอนุญาตให้ดำเนินการต่อไป” นายสุรชัย กล่าว
นายสุรชัย กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการภาคเอกชน 2 ราย ได้ยื่นขอใบรับรองจาก สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เพื่อเตรียมให้บริการเครื่องบินทะเล (Seaplane) ในประเทศไทย ได้แก่ บริษัท Thai Seaplane จำกัด และ บริษัท SIAM Seaplane จำกัด
อย่างไรก็ดีทั้ง 2 บริษัทมีอากาศยาน Seaplane และนักบินที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยที่ผ่านมาทั้ง 2 บริษัท ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้และกำหนดแผนทางธุรกิจไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีความพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจเต็มรูปแบบได้ในทันที เพียงรอการอนุมัติและใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และหน่วยงานภาครัฐที่ดูแล
นอกจากนี้ผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ยังคงชะลอการลงทุนนี้ เนื่องจากต้องการความชัดเจนในเรื่องผลการศึกษาจากแซนด์บ็อกซ์ก่อน เพราะปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้เครื่องบินทะเลในทางทะเลมาก่อน ทำให้ยังไม่ทราบทิศทางที่ชัดเจนและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบนิเวศ
สำหรับเป้าหมายหลักของโครงการนี้เป็นการขยายโอกาสและโครงข่ายการเดินทางทางทะเลให้มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาต่อเรือหรือเดินทางด้วยวิธีเดิม ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงการเดินทางจากสนามบินไปยังเกาะต่าง ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงได้เร็วขึ้นอย่างมาก