ปักธงสิ้นปีนี้ ‘บวท.’ ลุยทดสอบโปรเจ็กต์ 'Seaplane' นำร่องเกาะกระดาน จ.ตรัง

13 ต.ค. 2568 | 01:30 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ต.ค. 2568 | 03:38 น.

‘บวท.’ เล็งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนแซนด์บ็อกซ์ เดินหน้า 'Seaplane ' นำร่องเกาะกระดาน จ.ตรัง คาดทดสอบภายในสิ้นปีนี้ ตั้งเป้าเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์กลางปี 69 หวั่นเสียงใบพัด-แรงน้ำ กระทบแนวปะการังบนทะเลอันดามัน

KEY

POINTS

  • บวท. เตรียมเดินหน้าโครงการทดลองเครื่องบินทะเล (Seaplane) นำร่องที่เกาะกระดาน จ.ตรัง โดยตั้งเป้าเริ่มทดสอบในพื้นที่จริงภายในสิ้นปีนี้
  • หลังการทดสอบจะมีการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) เพื่อประเมินผลกระทบด้านเสียงและผลกระทบต่อปะการัง ก่อนพิจารณาเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์
  • หากผลการศึกษา IEE เป็นบวก คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงกลางปี 2569 โดยมีเอก

นายสุรชัย หนูพรหม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการศึกษาความเป็นไปได้ในการให้บริการควบคุมอากาศยานทางทะเล (Seaplane) เพื่อเป็นทางเลือกให้นักท่องเที่ยว และช่วยลดความแออัดภายในสนามบินหลักของประเทศนั้น

ในปัจจุบันทางกระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้บวท.เร่งเดินหน้าโครงการดังกล่าว โดยนำร่องในรูปแบบโครงการทดลองอากาศยานทางทะเล ซึ่งจะนำร่องที่เกาะกระดานแซนด์บ็อกซ์ จังหวัดตรัง เนื่องจากเป็นพื้นที่นำร่องและทดสอบแห่งแรกในประเทศไทย จากนั้นจะนำผลการศึกษาที่ได้ไปใช้ประกอบการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ก่อนพิจารณาการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ต่อไป

สำหรับขั้นตอนในการดำเนินโครงการฯ เบื้องต้นจะมีการตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการทดลองอากาศยานทางทะเล ซึ่งจะนำร่องที่เกาะกระดานแซนด์บ็อกซ์ จังหวัดตรัง คาดว่าจะเริ่มจัดตั้งคณะทำงานชุดดังกล่าวได้ภายในตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ ก่อนดำเนินการขับเคลื่อนทดสอบแซนด์บ็อกซ์บนพื้นที่จริงภายในสิ้นปีนี้ โดยโครงการนี้จะมีผู้ว่าราชการจังหวัดตรังเป็นองค์ประกอบหลักในการดูแล 
 

ขณะเดียวกันหลังทดสอบแซนด์บ็อกซ์บนพื้นที่จริงแล้วเสร็จ จากนั้นจะดำเนินการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ใช้ระยะเวลาประมาณ 180 วัน หรือประมาณ 6 เดือน เพื่อสรุปผลการศึกษาและประเมินว่าโครงการมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่

หากผลสรุปรายงาน IEE ออกมาในเชิงบวก คาดว่าจะมีการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์จะสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงกลางปี 2569

“คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการทดลองอากาศยานทางทะเลจะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (IEE) คือ เรื่องเสียงใบพัดของเครื่องบินและผลกระทบจากความถี่หรือความแรงของน้ำที่เกิดจากการขึ้น-ลงของเครื่องบินต่อปะการัง ในพื้นที่ทะเลอันดามัน หากผลการศึกษาชี้ว่ามีผลกระทบจะต้องมีการแก้ไขเพื่อลดผลกระทบก่อนได้รับอนุญาตให้ดำเนินการต่อไป” นายสุรชัย กล่าว 
 

นายสุรชัย กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการภาคเอกชน 2 ราย ได้ยื่นขอใบรับรองจาก สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เพื่อเตรียมให้บริการเครื่องบินทะเล (Seaplane) ในประเทศไทย ได้แก่ บริษัท Thai Seaplane จำกัด และ บริษัท SIAM Seaplane จำกัด 

อย่างไรก็ดีทั้ง 2 บริษัทมีอากาศยาน Seaplane และนักบินที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยที่ผ่านมาทั้ง 2 บริษัท ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้และกำหนดแผนทางธุรกิจไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีความพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจเต็มรูปแบบได้ในทันที เพียงรอการอนุมัติและใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และหน่วยงานภาครัฐที่ดูแล 

นอกจากนี้ผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ยังคงชะลอการลงทุนนี้ เนื่องจากต้องการความชัดเจนในเรื่องผลการศึกษาจากแซนด์บ็อกซ์ก่อน เพราะปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้เครื่องบินทะเลในทางทะเลมาก่อน ทำให้ยังไม่ทราบทิศทางที่ชัดเจนและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบนิเวศ

สำหรับเป้าหมายหลักของโครงการนี้เป็นการขยายโอกาสและโครงข่ายการเดินทางทางทะเลให้มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาต่อเรือหรือเดินทางด้วยวิธีเดิม ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงการเดินทางจากสนามบินไปยังเกาะต่าง ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงได้เร็วขึ้นอย่างมาก