KEY
POINTS
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพีวันคล้ายวันสถาปนากรมทางหลวงชนบท ครบรอบ 23 ปีว่า กรมทางหลวงชนบทได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตลอด 23 ปีที่ผ่านมาของเจ้าหน้าที่ทุกระดับในการพัฒนาถนนให้ได้มาตรฐานและปลอดภัยสำหรับทุกชีวิตบนท้องถนน
ขณะเดียวกันในปัจจุบันกรมทางหลวงชนทดูแลโครงข่ายถนนทั่วประเทศกว่า 51,000 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด โดยในปีงบประมาณ 2569 ได้รับงบประมาณกว่า 52,000 ล้านบาท
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดูข้อมูลรายละเอียดเพื่อเตรียมจัดซื้อจัดจ้างให้ได้มากที่สุดภายในไตรมาสที่ 1-ไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2569 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่าย ตลอดจนเกิดการจ้างงาน
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคมได้สั่งการภายใน 4 เดือน ให้กรมฯเร่งรัดการเบิกจ่ายปีงบประมาณ 2569 คิดเป็น 50% หรือ 26,000 ล้านบาท ของงบประมาณที่ได้รับจัดสรรอยู่ที่ 52,000 ล้านบาท
โดยพบว่ามีโครงการขนาดใหญ่ ในปีงบประมาณ 2569 จำนวน 4 โครงการ วงเงินรวม 2,800 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.ถนนสายแยก ทช.ชม.3029 แยก ทล.1006 อำเภอเมืองเชียงใหม่, สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ (ตอนที่ 2) เลี่ยงเมืองตันเปา วงเงิน 720 ล้านบาท
2. ถนนสายแยก ทช.ชม.3029 แยก ทล.1006 อำเภอเมืองเชียงใหม่, สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ (ตอนที่ 3) เลี่ยงเมืองตันเปา วงเงิน 780 ล้านบาท
3.ถนนสายแยก ทล.34 (กม.ที่ 26) เชื่อมกับทางหลวงชนบท สาย ฉช.3001 จังหวัดสมุทรปราการ (ตอนที่ 2) ช่วงที่ 1 วงเงิน 700 ล้านบาท และ 4. สะพานข้ามทางรถไฟบนถนนสายเชื่อมศูนย์ซ่อมอากาศยานศูนย์กลางการค้าส่งชายแดน บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
อย่างไรก็ดีการรับจัดสรรงบประมาณปี 2569 เพื่อใช้ดำเนินโครงการสำคัญทั้งการก่อสร้างถนน สะพาน และระบบอำนวยคามปลอดภัยทางถนน เช่น ถนนเชื่อมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ถนนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และโครงการทางต่างระดับจุดตัดสำคัญทั่วประเทศ
ทั้งนี้ในรัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้กำหนดแนวทางชัดเจนว่าทุกโครงสร้างพื้นฐานต้องตอบโจทย์ประชาชนอย่างแท้จริง โดยในช่วง 4 เดือนจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะเร่งผลักดันให้เกิดผลงานเป็นรูปธรรม
สำหรับโครงการสำคัญเร่งด่วนในพื้นที่ภาคใต้ของกรมทางหลวงชนบท จำนวน 2 โครงการ วงเงินรวม 6,500 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา - อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง วงเงิน 4,841 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้าง 4,700 ล้านบาท และค่าจ้างควบคุมงานก่อสร้าง 141 ล้านบาท
2. โครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา ตำบลเกาะกลาง-ตำบลเกาะลันตาน้อย อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ วงเงิน 1,854 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้าง 1,800 ล้านบาท และค่าจ้างควบคุมงานก่อสร้าง 54 ล้านบาท
นายพิชิต หุ่นศิริ รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท รักษาราชการแทนอธิบดี กล่าวว่า ทั้ง 2 โครงการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณารายงานด้านเทคนิคโดยธนาคารโลก (Word Bank) ซึ่งอยู่ระหว่างทางธนาคารโลกตอบกลับมาภายในสัปดาห์หน้า
จากนั้นจะมีการพิจารณาเปิดซองราคาประมูลทางเทคนิคและทางราคา คาดว่าจะได้ตัวผู้ชนะการประมูลและลงนามสัญญาร่วมกันได้ภายในสิ้นปีนี้ ใช้เวลาก่อสร้าง 30 เดือน ก่อนเปิดให้บริการได้ภายในปลายปี 2571
ขณะที่การประมูลทั้ง 2 โครงการ พบว่าแต่ละโครงการมีจำนวน 2 สัญญา ซึ่งมีเอกชนสนใจยื่นซองประมูล จำนวน 4 รายต่อโครงการ ในระหว่างนี้ทางกรมฯจะดำเนินการคู่ขนานระหว่างที่รอการตอบกลับจากธนาคารโลก โดยทำหนังสือถึงสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ในการเจรจาจัดหาแหล่งเงินกู้เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อได้ทันที
นายพิชิต กล่าวต่อว่า สำหรับการกำหนดรูปแบบการลงทุนโดยจะใช้เงินกู้จากธนาคารโลก (World Bank) โดยกำหนดวงเงินรวม 2 โครงการ มูลค่า 6.5 พันล้านบาท มีสัดส่วนการกู้เงิน World Bank 70% และเงินงบประมาณภาครัฐ 30%
โดยโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณภาครัฐ จำนวน 282 ล้านบาท และโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตาได้รับจัดสรรเงินงบประมาณภาครัฐ จำนวน 108 ล้านบาท
ส่วนสถานการณ์อุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อเส้นทางหลวงชนบทใน 22 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีสายทางได้รับความเสียหาย 59 สายทาง ขณะนี้สามารถเปิดสัญจรได้แล้ว 40 สายทาง และอยู่ระหว่างซ่อมแซมอีก 19 สายทาง
ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้กรมทางหลวงชนบทเร่งติดตั้งสะพานเบลีย์ชั่วคราว เปิดทางสัญจรให้ประชาชนโดยเร็ว รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยง ติดตั้งป้ายเตือนและให้ข้อมูลเส้นทางเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน