KEY
POINTS
รายงานข่าวจากสภากรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สำหรับการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 4) พ.ศ. 2568 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กรุงเทพมหานคร (กทม.)ศึกษาแนวทางและพัฒนาโครงข่ายระบบรถรับส่งต้นทาง–ปลายทาง (Feeder)
ให้ครอบคลุมเพื่อเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนของกรุงเทพมหานคร ตามที่นายวิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก. เขตบางรัก เสนอ โดยให้ฝ่ายบริหารพิจารณาดำเนินการต่อไป
นายวิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก. เขตบางรัก กล่าวว่า วันนี้เรากำลังเข้ามาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญของกรุงเทพมหานครกับโอกาสในการสร้างเมืองที่กำลังเชื่อมถึงทุกคนเข้าด้วยกัน
ในฐานะคนๆ หนึ่งที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้มาโดยตลอดสามปี ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2568 รัฐบาลกำลังนำรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมาปฏิบัติจริง
นี่คือโอกาสที่จะเปลี่ยนวิธีคิดของ กทม. เปลี่ยนจากโครงสร้างพื้นฐานกลายเป็นเครื่องมือสร้างโอกาส ให้ทุกคนในเมืองไม่ว่าจะเป็นบนดิน ใต้ดิน ระยะทาง 280 กิโลเมตรจะถูกเชื่อมภายใต้แนวคิดเดียวกันที่เราเชื่อว่าการเดินทางคือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน
เมืองที่ดีคือเมืองที่ทำให้คนใช้ชีวิตง่าย และเมืองที่จะเปลี่ยนชีวิตคนได้ถ้าเราจัดการโครงสร้างพื้นฐานให้เชื่อมต่อกันอย่างเท่าเทียม
“ถึงแม้เราไม่ใช่พระเอกแต่เราคือ ผู้เล่นหลัก ที่เป็นกุญแจสำคัญที่จะลุกขึ้นแสดงบทบาททำให้ขนส่งมวลชนเข้าถึงทุกคน เราทุกคนรู้ดีว่านโยบายนี้ดีแค่ไหน ลดค่าครองชีพได้แค่ไหน แต่ถ้าเกิดเราไม่มีเส้นทางที่เชื่อมต่อให้พวกเขา ถ้าเราไม่มีระบบการเดินทางที่เชื่อมถึงทุกพื้นที่ คนจำนวนมากจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โอกาสนี้ก็จะเป็นโอกาสที่ผ่านมาและผ่านไปเท่านั้น” นายวิพุธ กล่าว
นายวิพุธ กล่าวต่อว่า ขอใช้โอกาสนี้ให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการพัฒนาระบบขนส่ง ตนคิดว่าต้องเดินไปร่วมกัน ปัญหาที่เมืองใหญ่ทั่วโลกกำลังเผชิญคือการเสียเวลาในการเดินทาง เสียเงินในการเดินทางหลายต่อ
และถอดใจกับการใช้ระบบขนส่งสาธารณะเพราะขาดการเชื่อมต่อที่สะดวก ปลอดภัย และเป็นธรรม
คนเมืองต้องการทางเลือก การเดินทางของเมืองจะดีขึ้นได้ ระบบ Feeder สามารถลดเรื่อง PM 2.5 คาร์บอนไดออกไซด์ และรถยนต์ส่วนบุคคลภายในเมือง
นายวิพุธ กล่าวต่อว่า เราพยายามทำเพื่อลดค่าครองชีพ เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงการบริการของรัฐ ในทางตรงกันข้าม หากทำให้ค่าโดยสารถูกลง
แต่คนต้องเดินทางหลายต่อมันจะถึงเป้าหมายที่อยากเป็นหรือเปล่า ตนถึงได้บอกว่าระบบขนส่งที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างสถานีขนส่งมวลชนหลัก (Feeder)
และระบบ 20 บาทตลอดสายต้องเดินคู่กันเพื่อให้ได้ใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
สำหรับ Feeder ประกอบด้วย รถโดยสารประจำทาง รถสองแถว รถสี่ล้อรับจ้าง แท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก รถจักรยานยนต์สาธารณะ รวมไปถึง On-Demand ที่ให้บริการตามที่ต้องการ รูปแบบการเดินทางของคน กทม.
จากการสำรวจแยกได้เป็น 3 พื้นที่คือพื้นที่ชั้นใน พื้นที่ชั้นกลาง พื้นที่ชั้นนอก
ถ้าเราพูดกันตามความเป็นจริง กรุงเทพมหานครคือคนที่รู้จักพื้นที่ดีที่สุด
กทม. ควรมีบทบาทเป็นคนบริหาร Feeder ร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ ทำหน้าที่ประสานแผนงานการเดินรถ เป็นผู้ออกแบบเส้นทางเชื่อมต่อขนส่งมวลชนหลัก
นอกจากนี้ควรเปิดเวทีรับฟังไปเลยว่าประชาชนเห็นด้วยไหมในพื้นที่นั้นๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนหรือนำร่อง ประเมินการทับซ้อนของเส้นทางรถโดยสาร ประเมินความต้องการในการเดินทางของผู้โดยสาร
ขณะที่การประเมินรายได้และต้นทุนของการให้บริการรถโดยสาร กำหนดมาตรฐานการให้บริการ รูปแบบการให้ใบอนุญาตและเงื่อนไขใบอนุญาต ฯลฯ
และขอให้สภา กทม. เร่งศึกษาระบบ Feeder อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชน ทำให้เป็นเมืองแห่งโอกาสสำหรับทุกคน
นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เรามี Feeder ให้บริการฟรีอยู่ 6 เส้นทาง โดย Feeder ควรจะให้บริการช่วงเช้ากับช่วงเย็น ใช้ในวันธรรมดา
ดังนั้นการนำรถที่มีอยู่แล้วในสัญญาจ้างมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นสิ่งที่กรุงเทพมหานครกำลังทำอยู่ เรื่อง Feeder เป็นเรื่องจำเป็น ต้องทำให้คุ้มค่ามากที่สุด
ขณะนี้กรุงเทพมหานครอยู่ระหว่างการเจรจากับกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมว่าจะมีการเปิดให้เอกชนมาเป็นผู้ให้บริการหรือให้ ขสมก. เป็นผู้ให้บริการ จะไม่เป็นภาระกับกรุงเทพมหานคร
นายวิศณุ กล่าวต่อว่า เรามีโครงการเดินได้เดินดี การปรับทางเท้ารอบสถานีรถไฟ มีจักรยาน เส้นทางจักรยานเสริมเข้ามาเพื่อเชื่อมต่อรถไฟฟ้า
และไม่ได้ละเลยการสัญจรทางคลอง แต่การให้บริการมีผู้ใช้จำนวนไม่มาก หากเราใช้รูปแบบแบบเดิมจะคุ้มค่าหรือไม่ ตอนนี้กำลังศึกษารูปแบบ On-Demand เพื่อลดค่าใช้จ่าย