ลุ้น โยกย้ายข้าราชการ “บิ๊กคมนาคม” จับตา ผอ. สนข.คนใหม่

19 ก.ค. 2568 | 21:00 น.

“คมนาคม” ปรับทัพครั้งใหญ่โยกย้ายข้าราชการ ดัน "ปัญญา ชูพานิช" ผอ.สนข. นั่งรองปลัดกระทรวงฯ จับตาเก้าอี้ ผอ.สนข. คนใหม่ ลุ้น "จิรโรจน์ ศุกลรัตน์" รอง ผอ.สนข. ขึ้นรักษาการ จ่อสานต่อแลนด์บริดจ์-ตั๋วร่วม

การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในครั้งนี้ถือเป็นการปรับทัพครั้งสำคัญในหลายหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขับเคลื่อนนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดินในระยะต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งสำคัญที่กำลังจะว่างลงจากการเกษียณอายุราชการประจำปี

ในส่วนของกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นกระทรวงที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศได้มีการปรับทัพข้าราชการบริหารเพื่อเตรียมเดินหน้าโครงการสำคัญในอนาคต 
 

หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงในกระทรวงคมนาคม เพื่อทดแทนตำแหน่งผู้ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ รวมถึงการสับเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อความเหมาะสมและประสิทธิภาพในการบริหารงาน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

จากมติครม.ในครั้งนี้ นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง แทนนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม สำนักงานปลัดกระทรวง ที่ถูกโยกไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) 

ทั้งนี้เป็นที่น่าจับตาว่าจะมีข้าราชการคนใดมาดำรงตำแหน่งผอ.สนข.แทนคนปัจจุบันที่ถูกโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่น เนื่องจากหน่วยงานนี้ถือเป็นหน่วยงานสมองของกระทรวงคมนาคม ในการวางแผนและกำหนดทิศทางนโยบายด้านคมนาคมขนส่งและจราจรของประเทศ
 

ย่างไรก็ดีตามกระบวนการคาดว่าจะต้องตั้งคณะกรรมการสรรหาผอ.สนข.คนใหม่ ในระหว่างนั้น รองผอ.สนข.จะยังคงทำหน้าที่รักษาการตำแหน่งผอ.สนข.ด้วย 

ในช่วงที่รอกระบวนการสรรหายังไม่แล้วเสร็จ คาดว่า นายจิรโรจน์ ศุกลรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร จะเป็นตัวเต็งที่มีความเหมาะสมเข้ามารับตำแหน่งเป็นผอ.สนข.คนใหม่ เนื่องจากเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานมานานอีกทั้งยังเข้าใจในโครงการต่างๆเป็นอย่างดี 

โดยเฉพาะโครงการสำคัญ อย่าง โครงการแลนด์บริดจ์ ที่เชื่อมต่อท่าเรือชุมพรและท่าเรือระนองทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลไทยที่มีเป้าหมายเพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งและการค้าในภูมิภาค โดยเฉพาะการเป็นทางเลือกใหม่ในการขนส่งสินค้าทางทะเล แทนการผ่านช่องแคบมะละกา ฯลฯ