ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอแต่งตั้ง นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี เป็นผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) คนใหม่
ทั้งนี้จะได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ 340,000 บาท ส่วนค่าตอบแทนพิเศษประจำปีและสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้รับจ้างจะได้รับให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) ให้ความเห็นชอบ
อย่างไรก็ดีก่อนเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ รฟม.คนใหม่ จะต้องลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าการ กทพ. คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2568 นี้ ก่อนจะมีการลงนามในสัญญาจ้างต่อไป
ที่ผ่านมาตามมติคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ในการประชุม (นัดพิเศษ) เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 และครั้งที่ 6/2568 เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
ส่วนจุดแข็งที่ นายกาจผจญ สามารถได้รับการคัดเลือกครั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นอดีตลูกหม้อของรฟม. ในยุคที่มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อีกทั้งมีประสบการณ์การทำงานคุ้นเคยกับสายงานของ รฟม.
นอกจากนี้การได้เข้ารับตำแหน่งเป็น รองผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่ผ่านมาของนายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ซึ่งเข้ามามีบทบาทในโครงการสำคัญต่างๆของกทพ.ไม่น้อย จนได้รับความไว้วางใจจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อีกทั้งยังได้รับความพึงพอใจจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างด้านระบบรถไฟฟ้าอีกด้วย
สำหรับโจทย์ใหญ่ของผู้ว่ารฟม.คนใหม่ ที่ต้องเร่งรัดดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุดคงหนีไม่พ้นมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กำหนดเป้าหมายให้มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทุกสายทุกเส้นทางภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งผู้ใช้บริการจะต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ"
ไม่เพียงเท่านั้นมาตรการดังกล่าวยังติดเรื่องความคิดเห็นของกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะการนำกำไรสะสมของรฟม. 8,000 ล้านบาทต่อปี รวมทั้ง 2 ปีจะต้องนำกำไรสะสมมาชดเชยเป็นจำนวนเงิน 16,000 ล้านบาท เพื่อชดเชยรายได้ให้กับเอกชนผู้รับสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าแต่ละสายในมาตรการนี้
ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังยังมีความคิดเห็นถึงการใช้กำไรสะสมของ รฟม.อาจกระทบต่อสถานะทางการเงินของ รฟม. ในระยะยาว หากต้องนำเงินสะสมจำนวนมากมาชดเชยรายได้เป็นประจำ
เป็นเหตุให้ในช่วงที่ผ่านมาครม.มีมติอนุมัติให้แก้ไขร่างพ.ร.บ.รฟม.ฉบับใหม่ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของ รฟม. และการแสวงหารายได้อื่นๆ เพิ่มเติม เช่น
การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รอบสถานีรถไฟฟ้า การบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับ รฟม. ตลอดจนลดภาระการชดเชยค่าโดยสารในอนาคต
ในปัจจุบัน รฟม.มีโครงการลงทุนที่สำคัญในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 4 โครงการ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) ,โครงการรถไฟฟ้าสายสีฟ้า ช่วงดินแดง-สาทร,โครงการรถไฟฟ้าสายสีเทาช่วงวัชรพล-ทองหล่อ, โครงการรถไฟฟ้าสายสีเงิน ช่วงบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นอกจากนี้ยังมีโครงการลงทุนในภูมิภาคอีก 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ (แทรมเชียงใหม่),โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดขอนแก่น (แทรมขอนแก่น),โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต (แทรมภูเก็ต)
ที่ผ่านมาพบว่าโครงการเหล่านี้มีความล่าช้าอยู่มาก อีกทั้งไม่สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้ตามแผนที่วางไว้ หากผู้ว่ารฟม.คนใหม่ สามารถเข้ามาแก้ปัญหาโครงการเหล่านี้ได้เชื่อว่าจะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงในยุคนี้อย่างแน่นอน
สำหรับประวัติของ "กาจผจญ อุดมธรรมภักดี"
ประวัติการทำงาน