นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.มีมติเห็นชอบผลการศึกษาโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง
ขณะเดียวกันจากผลการศึกษาบริษัทที่ปรึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ดำเนินการศึกษาประมาณ 3 เดือน นั้น พบว่า โครงการฯ มีรูปแบบการลงทุนเป็น PPP Net Cost สัญญาสัมปทาน 20 ปี ซึ่งมีผลตอบแทนการลงทุนเพิ่มขึ้น 20 ปี จากเดิมในการการประมูลที่ผ่านมามีผลตอบแทนเพียง 18 ปี
นายวีริศ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าการประมูลโครงการไอซีดี ลาดกระบังมีความล่าช้า แต่ปัจจุบันเอกชนผู้ชนะการประมูล คือ กิจการร่วมค้า เอ แอล จี (ประเทศไทย) ประกอบด้วย บริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบังเทอร์มินัล จำกัด ,บริษัท เอเวอร์กรีนคอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด ,บริษัท โอเชี่ยนเน็ตเวิร์ค เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไทย อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด) ขณะนี้เอกชนยังคงยืนราคาตามเดิมพร้อมวางเงินหลักประกันตามสัญญา (แบงก์การันตี)
ทั้งนี้รฟท.จะต้องไปเจรจาร่วมกับเอกชนผู้ชนะการประมูล คาดว่าจะเจราจาร่วมกันได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ จากนั้นจะเสนอต่อกระทรวงคมนาคมและที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ ก่อนลงนามสัญญาร่วมกับเอกชนภายในปีนี้
อย่างไรก็ดีโครงการนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อปี 2559 รฟท.ได้เปิดประกวดราคาโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง มูลค่าโครงการ 4 หมื่นล้านบาท แต่การประกวดราคาครั้งนี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับขั้นตอนและกระบวนการในการประมูลที่อาจไม่โปร่งใส ตลอดจนมีการฟ้องคดีไปยังศาลปกครอง ทำให้ต่อมา รฟท.ได้ยกเลิกการประมูล
ในช่วงปลายปี 2561 รฟท. ได้เปิดประกวดราคาโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง อีกครั้ง โดยครั้งนี้มีเอกชนยื่นข้อเสนอเพียง 1 ราย คือ กิจการร่วมค้า เอ แอล จี (ประเทศไทย) จากผู้ซื้อเอกสารประกวดราคาทั้งสิ้น 10 ราย จากนั้น รฟท.ได้เสนอผลการประกวดราคา ซึ่งกิจการร่วมค้า เอ แอล จี (ประเทศไทย) เป็นผู้ชนะการประกวดราคาฯ ไปให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อเสนอ ครม.
เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2562 ที่ประชุม ครม. มติให้กระทรวงคมนาคม รับเรื่อง ผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบัง ของ รฟท. ไปพิจารณาจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการให้เป็นไปตามนัยกฎหมายว่าด้วยการรร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
ทั้งนี้ให้มีการศึกษาข้อมูลตามความเห็นของกระทรวงการคลัง และ สศช. และข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน และดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วนเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
ขณะเดียวกันให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และ สศช. รวมทั้งความเห็นเพิ่มเติมของ รมว.คลัง เกี่ยวกับการจัดทำสัญญาร่วมลงทุนและการเจรจากับเอกชนผู้ร่วมลงทุน จะต้องดำเนินการให้อยู่ภายใต้กรอบและหลักการของมติ ครม.ที่อนุมัติไว้เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2556
นอกจากนี้เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมรับเรื่องนี้กลับไปพิจารณาทบทวน และดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน และความเห็นเพิ่มเติมของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงหลักการและเงื่อนไขในร่างสัญญาร่วมลงทุนไปจากรายงานผลการศึกษาที่ได้นำเสนอต่อ ครม. มิใช่อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามมาตรา 35