อัตราเงินเฟ้อไทยที่สูงต่อเนื่องมาตั้งแต่กลาง ล่าสุดเดือนสิงหาคม 2565 ขยายตัว 7.86% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของไทย 8 เดือนขยายตัวแล้ว 6.14% ซึ่งเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงและนานจนเกินไป จะส่งผลให้สินค้า-บริการแพงขึ้น ภาพรวมการบริโภคลดลง สวนทางค่าครองชีพที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาของแพงจะกระทบกำลังซื้อ แต่ผลกระทบของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะกลุ่มกำลังซื้อสูง หรือ ผู้บริโภคระดับบน-ไฮเอนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มักจะมีเงินออมสูง ส่งผลให้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจน้อยและยังคงมีกำลังซื้อ สามารถมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอย ทำให้ธุรกิจที่จับกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคระดับบน-ไฮเอนด์ ยังสามารถสร้างการเติบโตของยอดขายได้ดีต่อเนื่อง
นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พราว เรียล เอสเตท หรือ PROUD เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจช่วงครึ่งหลังปี 2565 กำลังซื้อกลุ่มลูกค้าอสังหาฯ ระดับลักชัวรี่ในประเทศ ยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อสูง และมีความต้องการซื้อสินทรัพย์ที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งหลังจากรัฐบาลประกาศเปิดประเทศและฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวในไทย จะดึงดูดชาวต่างชาติกำลังซื้อสูง อาทิ ชาวจีน รัสเซีย และกลุ่มชาวต่างชาติ ที่ต้องการที่พักอาศัยช่วงวัยเกษียณ หรือ พักระยะยาว สามารถเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศไทย ส่งสัญญาณให้กำลังซื้อตลาดอสังหาฯในประเทศกลับมาสู่ปกติ ซึ่งผลประกอบการของบริษัท มีแนวโน้มเทิร์นอะราวด์ทั้งรายได้และกำไร จากการทยอยรับรู้รายได้การโอนกรรมสิทธิ์โครงการ อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน ที่ทยอยเข้ามาในช่วงไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป
สำหรับไตรมาส 2/265 บริษัทมีรายได้รวม 110 ล้านบาท โต 100 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ไม่มีการรับรู้รายได้ เนื่องจากเริ่มมีการโอนกรรมสิทธิ์ และมีขาดทุนสุทธิ 19.9 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 ในส่วนของรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการขายและทยอยส่งมอบโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหินอย่างต่อเนื่อง คาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะได้เห็นกำไรอย่างเด่นชัด
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ชิค รีพับบลิค (CHIC)กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง 2565 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น ความต้องการซื้อสินค้าเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดขายหน้าร้าน ช่องทางจำหน่ายออนไลน์ปรับตัวดีขึ้น
ส่วนธุรกิจงานโครงการ และธุรกิจบริการออกแบบตกแต่ง มีปัจจัยหนุนจากตลาดอสังหาฯ เปิดตัวโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงอย่างต่อเนื่อง สร้างโอกาสการเติบโตให้ธุรกิจบริการออกแบบ ตกแต่ง และให้เช่า รับจัดตกแต่งเฟอร์นิเจอร์
นอกจากนี้บริษัทมีรายได้จากการให้บริการพื้นที่เช่าร้านค้า โดยคัดเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียง และคุณภาพ ช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเยี่ยมชมสินค้า สร้างความครบวงจร ตอบโจทย์ กิน ดื่ม ช้อปครบไว้ที่เดียวและเตรียมขยายพื้นที่เช่าเพิ่มช่วยสร้างรายได้ประจำ ซึ่งผลประกอบการฯครึ่งแรกปี 2565 มีรายได้รวม 440 ล้านบาท เติบโต 124% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท เติบโต 3.38%
นายชนัตถ์ สรไกรกิติกูล ประธานกรรมการการเงินและบริหารความเสี่ยง บมจ. แพรนด้า จิวเวลรี่ (PDJ) กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปัจจัยลบต่างๆ เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน การดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวของธนาคารกลาง และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น แต่อุตสาหกรรมกลุ่มลักชัวรี่ (Luxury Industry) มีโอกาสเติบโตขึ้น
สอดคล้องกับทิศทางของยอดคำสั่งซื้อในไตรมาส 2 และตัวเลขช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2565 ที่บริษัทฯมีออเดอร์ในมือสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในความต้องการของผู้บริโภค ของฐานลูกค้าบริษัทฯ อีกทั้ง มุ่งเน้นการสร้างฐานลูกค้าเชิงกลยุทธ์ที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้บริษัทฯมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง รวมถึงมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับลูกค้าในรูปแบบ Strategic Partner มีการวางแผนร่วมกันในระยะยาวกับลูกค้ารายสำคัญ
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 บริษัทฯมียอดขาย 878 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.75% มีกำไรสุทธิ 73 ล้านบาท เติบโต 228.46 % เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากกลุ่มธุรกิจการผลิต คิดเป็น 77% มียอดคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นในระหว่างไตรมาส 2/2565 สาเหตุหลักจากการวางแผนร่วมกับลูกค้าในการส่งออเดอร์ล่วงหน้าเข้ามาจำนวนมาก อีกทั้ง ยอดขายในกลุ่ม Omni-channel ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 23% ของยอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น จากสภาพตลาดในประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัว