KEY
POINTS
นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยถึงประเด็นค่าไฟงวดม.ค.-เม.ย. 69 ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล ซึ่งภายในเดือนต.ค.นี้ จะเริ่มเรียกข้อมูลจากบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ที่รับภาระค่าก๊าซ 15,000 ล้านบาท
และการคืนหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 66,000 ล้านบาท หากยืดหนี้ออกไปจะมีภาระดอกเบี้ยมากขึ้น
รวมถึงราคาเชื้อเพลิง และต้นทุนค่าไฟเป็นอย่างไร เพื่อประกอบการพิจารณาค่าไฟงวดดังกล่าว
ทั้งนี้ ตามปกติช่วงปลายปีที่เข้าสู่ฤดูหนาว ประเทศทางฝั่งตะวันตกมีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติค่อนข้างมาก แต่ปีนี้จะเห็นว่าประเทศผู้ผลิตมีการเร่งการผลิตก๊าซ ทำให้เกิดความสมดุลของปริมาณก๊าซกับความต้องการใช้ ราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกจึงไม่ได้ปรับตัวเร็วหรือรุนแรงมากเหมือนปีที่ผ่านมา
”การดูแลค่าไฟของไทยให้อยู่ในระดับเหมาะสมหรือตรึงให้อยู่ในระดับเดิมที่ 3.94 บาทต่อหน่วย ตามนโยบายของรมว.พลังงาน ก็มีความเป็นไปได้ แต่ต้องขอตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ และรับฟังความเห็นเพื่อหารือกันในที่่ประชุม กกพ. อีกครั้ง“
ขณะที่ในส่วนของเงินที่เรียกคืนจากการลงทุนของ 3 การไฟฟ้าในส่วนที่ไม่ได้เป็นไปตามแผน (Claw Back) นั้น ปัจจุบันเหลือเงินที่สามารถใช้ได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากงวดนี้ คือเดือนก.ย.-ธ.ค.2568 ได้ใช้เงิน Claw Back สำหรับอุดหนุนค่าไฟให้ประชาชนไปแล้ว 2,600 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้มีอยู่ประมาณ 7,000 ล้านบาท
ซึ่งการจะนำเงินส่วนนี้มาใช้ต้องมีเหตุจำเป็นที่ราคาพลังงานอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที (FT) เคลื่อนไหวผิดปกติตามเงื่อนไขกำหนดเท่านั้น