TDRI แนะว่าที่รมว.พลังงงาน เปิดตลาดไฟฟ้าเสรี ดันเศรษฐกิจฐานราก

14 ก.ย. 2568 | 01:49 น.

‘TDRI’ แนะว่าที่รมว.พลังงงานคนใหม่ ปฏิรูปการซื้อขายไฟฟ้าในประเทศเปิดตลาดไฟฟ้าเสรี กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

KEY

POINTS

  • ทีดีอาร์ไอเสนอให้ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานปฏิรูปการซื้อขายไฟฟ้าในประเทศให้เป็นแบบเสรีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • การเปิดตลาดไฟฟ้าเสรีจะช่วยดึงดูดและรักษาการลงทุนจากบริษัทต่างชาติที่ต้องการเข้าถึงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
  • ประชาชนจะสามารถขายไฟฟ้าส่วนเกินจากโซลาร์บนหลังคาบ้านได้ ซึ่งเป็นการกระจายรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ (TDRI) มีข้อเสนอถึงการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดใหม่ว่า ในส่วนของว่าที่รมว.พลังงาน ประชาชนต้องการเห็นการปฏิรูปการซื้อขายไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ 

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทชั้นนำจำนวนมากต้องการมาลงทุนในประเทศไทยแต่ยังติดเรื่องไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ขาดแคลน เพราะไม่สามารถซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจากตลาดไฟฟ้าได้ง่าย 

และบางบริษัทที่ลงทุนอยู่อาจถอนการลงทุนไปต่างประเทศ หากยังไม่สามารถซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนได้  ในเวลาเดียวกันหากภาครัฐทำให้เกิดการซื้อขายไฟฟ้าเสรีจะช่วยกระจายรายได้ให้ประชาชนได้อีกทางหนึ่งจากการขายไฟที่เหลือใช้จากโซลาร์บนหลังคาบ้านซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้  

TDRI แนะว่าที่รมว.พลังงงาน เปิดตลาดไฟฟ้าเสรี ดันเศรษฐกิจฐานราก

ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรมนั้น ต้องการเห็นการตรวจมาตรฐานโรงงานจากนักลงทุนต่างชาติที่ผลิตสินค้าไม่ได้มาตรฐานมอก. และปล่อยมลพิษต่าง ๆ สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน ตลอดจนทำลายอุตสาหกรรมไทยจากการตัดราคาด้วยการผลักภาระสู่สังคม

ส่วนโจทย์ของกระทรวงต่างประเทศในด้านเศรษฐกิจ คือ การปรับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านให้กลับมาสู่สภาวะปกติ ลดระดับความขัดแย้ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนไทยและธุรกิจที่พึ่งพาการค้า การลงทุนต่างประเทศได้กลับมาทำธุรกิจกันตามปกติ 

ในช่วงที่มีการปิดชายแดนซัพพลายเชนที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่สามารถเชื่อมต่อกับประเทศไทยได้ ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงว่า หากอยู่ในภาวะแบบนี้เป็นไปยาวนานอาจทำให้บริษัทที่เกี่ยวข้องในไทยพิจารณาย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น 

ดังนั้นการลดความตึงเครียดกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นเรื่องที่สำคัญต่อยุทธศาสตร์ที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางของการผลิตในภูมิภาคตามแนวคิด ไทย+1 (Thailand Plus One)