พลังงานแจงซื้อ LNG แหล่งอะแลสกาเพิ่มทางเลือก กระจายแหล่งซื้อขาย

02 มิ.ย. 2568 | 03:23 น.
อัปเดตล่าสุด :02 มิ.ย. 2568 | 03:23 น.

กระทรวงพลังงานออกโรงแจงซื้อ LNG แหล่งอะแลสกาเป็นการเพิ่มทางเลือก กระจายแหล่งซื้อขาย สร้างความมั่นคงในการจัดหาพลังงานให้ประเทศ

นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวง ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ก๊าซธรรมชาติเหลวจากแหล่งอะแลสกาเป็นหนึ่งในทางเลือกที่มีศักยภาพในการเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของไทยในระยะยาว เนื่องจากเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์การจัดหาก๊าซธรรมชาติของไทยพบว่า 

ไทยพึ่งพาก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้ากว่า 58% ของเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด โดยที่ก๊าซจากอ่าวไทยสามารถใช้ผลิตไฟฟ้าได้เพียง 60% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศ รวมถึงปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยมีแนวโน้มที่จะลดลงในอนาคต ดังนั้น ไทยจึงมีความจำเป็นต้องนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นในอนาคต 

ทั้งนี้ แหล่งอะแลสกาถือเป็นแหล่งผลิตปิโตรเลียมที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ โดยมีศักยภาพของปริมาณก๊าซสำรองที่พิสูจน์แล้วในพื้นที่ North Slope กว่า 40 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ที่สามารถผลิตและส่งออก LNG ได้กว่า 20 ล้านตันต่อปี เริ่มตั้งแต่ปี 2571 ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาถึง 80 ปี มีมูลค่าการลงทุนทั้งโครงการกว่า 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 

และสามารถส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียได้อย่างสะดวกและรวดเร็วผ่านทางมหาสมุทรแปซิฟิกในราคาที่แข่งขันได้ ภายในปี 2574 เนื่องจากเป็นแหล่งก๊าซที่มีขนาดใหญ่ ต้นทุนเนื้อก๊าซต่ำ และสหรัฐฯ มีการใช้เครื่องจักรในการผลิตและการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ 

โดยคาดว่าจะสามารถขนส่ง LNG มายังไทยได้ภายใน 10-15 วัน ในขณะที่การขนส่งจากแหล่งในตะวันออกกลางใช้ระยะเวลาถึง 20 - 35 วัน ปัจจุบัน โครงการฯ มีความพร้อมที่จะตัดสินใจลงทุน/ดำเนินโครงการ (Final Investment Decision) 

รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์มีความพร้อมที่จะประกาศความร่วมมือกับนานาประเทศในระยะเวลาอันใกล้ และมีหลายประเทศได้ให้ความสนใจ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ นอกจากนี้ โครงการผลิต LNG และท่อส่งก๊าซฯ ยังได้คำนึงในด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ มีการติดตั้งระบบการดักจับและกักเก็บคาร์บอนในกระบวนการสำรวจและผลิต จึงถือว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจ

สำหรับการจัดหา LNG ของไทยนั้น จะคำนึงถึงเรื่องราคาเป็นสำคัญ เนื่องจากจะส่งผลต่อค่าไฟฟ้า ยิ่งต้นทุนต่ำ ค่าไฟก็มีราคาถูกลง นอกจากประชาชนจะได้ใช้ไฟฟ้าในราคาที่เหมาะสมแล้ว ยังดึงดูดให้เกิดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ ทั้งการใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยี AI, cloud service 

รวมถึงการขยายตัวของ Data Center โครงการ Alaska LNG จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากราคาถูกแล้ว การขนส่งก็ใช้ระยะเวลาสั้นกว่าการซื้อจากตะวันออกกลาง อีกทั้งเป็นการเพิ่มแหล่งการซื้อ ไม่พึ่งพาแหล่งใดแหล่งหนึ่งเป็นหลัก 

“ปัจจุบันกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการพิจารณาปริมาณของการนำเข้า LNG จากแหล่ง Alaska  อยู่ที่ 2-5 ล้านตันต่อปี โดยขึ้นอยู่กับราคาและเงื่อนไขต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการเจรจา โดยบริษัทผู้ที่ได้รับใบอนุญาตการเป็นผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper) ของไทยอยู่ระหว่างการเจรจาในรายละเอียดของโครงการและพิจารณาความเหมาะสมในเชิงธุรกิจสำหรับการผลักดันความร่วมมือในโครงการ Alaska LNG ร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯ ต่อไป”