ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เปิดเผยว่า ปี 68 บริษัทจะดำเนินการทุ่มงบลงทุน 30,000 ล้านบาท ในการรุกขยายธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศ มุ่งสร้างรายได้และกำไรให้เติบโตอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงาน การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่คาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย
การกีดกันทางการค้าที่รุนแรงขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2568 จะเติบโตในระดับที่ไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตาม นโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ให้เพิ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในประเทศ จะช่วยให้มีซัพพลายเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้ส่งผลดีต่อราคาค่าเชื้อเพลิงโลกที่จะลดลง
นอกจากนี้ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวประมาณ 2.3% - 3.3% ซึ่งดีกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย โดยจากสถานการณ์ที่เป็นทั้งความท้าทายและเป็นทั้งโอกาสดังกล่าว ทำให้ในปี 2568 EGCO Group ปรับทิศทางและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ระยะ 3 ปี (ปี 2568-2570) โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างต่อเนื่อง และได้มีการปรับเปลี่ยนองค์กรในทุกมิติ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ด้วยกลยุทธ์ Triple P ได้แก่
สำหรับแผนการดำเนินงานและความก้าวหน้าของโครงการลงทุนต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ในปี 2568 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของรายได้และกำไรของ EGCO Group อย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย
EGCO Group มีความพร้อมสำหรับการลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศ RE Biglot รอบที่ 2 ในรูปแบบ Feed-in Tarff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงในส่วนพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ซึ่ง EGCO Group ได้รับการคัดเลือกก่อนหน้านี้แล้ว จำนวน 11 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 448 เมกะวัตต์
สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ EGCO Group ได้ลงทุนผ่าน APEX ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโครงการเรือธง (Flagship) ที่จะผลักดันให้ EGCO Group บรรลุเป้าหมายการเพิ่ม RE เป็น 30% ในปี 2573 โดย APEX มีแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าจาก RE กว่า 56,000 เมกะวัตต์ จนถึงตอนนี้พัฒนาได้ราว 2,000 เมกะวัตต์ นอกจากนั้น ยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนในประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยที่มีความต้องการเพิ่ม RE ใน Portfolio
ขณะที่การแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ในรูปแบบ M&A ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้สามารถรับรู้รายได้ทันที ปัจจุบัน EGCO Group มีโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาประมาณ 4-5 โครงการ รวมกำลังผลิตมากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ในประเทศที่มีฐานธุรกิจและมีพันธมิตรอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนของการเจรจาและได้ข้อสรุป ประมาณไตรมาสที่ 2 ของปี 2568
สำหรับธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ในกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ที่ดำเนินการผ่านบริษัท พีที จันทรา ดายา อินเวสตาสิ (PT Chandra Daya Investasi หรือ CDI) ในอินโดนีเซีย มีความก้าวหน้าในการดำเนินงานที่ชัดเจน โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการโซลาร์เซลล์บนทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar Farm) ในอ่างเก็บน้ำของธุรกิจผลิตและบำบัดน้ำครบวงจร กำลังผลิต 32 เมกะวัตต์ ซึ่งมีแผนจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2570 นอกจากนี้ CDI ยังมีแผนพัฒนาและขยายธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ด้วยการซื้อเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ (Vessels) สำหรับขนส่งน้ำมัน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติม