ราคาน้ำมันดิบจ่อขยับขึ้น หลังเฟดเตรียมขึ้นดอกเบี้ยกดดัน

30 ส.ค. 2565 | 09:32 น.

ราคาน้ำมันดิบจ่อขยับขึ้น หลังเฟดเตรียมขึ้นดอกเบี้ยกดดัน สนพ.ชี้จะทำให้สัญญาน้ำมันดิบมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลก โดยได้เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวน จากตลาดยังคงกังวลกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก จากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอของทั้งสหรัฐฯ ยุโรปและจีน ซึ่งเป็นสัญญาณการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและอาจส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันลดลง 

 

นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นจากการคาดการณ์ว่าธนาคากลางสหรัฐฯ หรือเฟด (FED) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ยังเป็นอีกปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมัน เนื่องจากสัญญาน้ำมันดิบจะมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น 

 

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสัญญาณจากกลุ่มโอเปกพลัสที่อาจพิจารณาเพิ่มทางเลือกลดการผลิตน้ำมันดิบเพื่อกระตุ้นราคาน้ำมันในการประชุมครั้งถัดไป (วันที่ 5 กันยายน 2565)

 

สำหรับภาพรวมสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก (วันที่ 15 - 21 สิงหาคม 2565) ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์ เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 92.84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 89.06 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลดจากสัปดาห์ที่แล้ว 3.01 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 2.86 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 

ทั้งนี้ จากสัญญาณของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในจีน เนื่องมาจากผลกระทบของนโยบายปลอดโควิคในปักกิ่ง รวมถึงวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ธนาคารกลางของจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านมีความคืบหน้ามากขึ้นหลังสหรัฐแจ้งว่าพร้อมที่จะบรรลุข้อตกลงกับอิหร่านตามข้อเสนอของอียู 

 

ซึ่งจะทำให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกทั้งการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ เฟด ที่อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ในการประชุมเดือนกันยายนนี้ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย และท้าให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง

 

ส่วนราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดภูมิภาคเอเชียนั้น ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และ 91 (Non-Oxy) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 110.88 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 106.87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 109.37 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.99 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 0.48 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 0.58 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากตลาดคาดว่าปริมาณการส่งออกน้ำมันเบนซินของจีนจะปรับตัวลดลงในเดือนกันยายน 2565 

 

ราคาน้ำมันดิบจ่อขยับขึ้น หลังเฟดเตรียมขึ้นดอกเบี้ยกดดัน

 

อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณสต๊อกน้ำมันเบนซินในซาอุดีอาระเบียที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดย International Enterprise Singapore (IES) รายงานปริมาณสำรอง Light Distillates เชิงพาณิชย์ที่สิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 17 สิงหาคม 2565 ลดลง 0.97 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 16.7 ล้านบาร์เรล
 

ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 136.10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 5.76 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากอุปสงค์ในภูมิภาคยังทรงตัว ในขณะที่โรง
กลั่นในภูมิภาคกำลังเพิ่มการผลิตและคาดว่าจะได้รับแรงหนุนของอุปสงค์จากภาคตะวันตกเพิ่มขึ้น 

 

โดยอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากศรีลังกา แอฟริกาใต้ ในขณะเดียวกันราคายังได้รับแรงหนุนจากสต๊อกน้ำมันดีเซลของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณอุปสงค์น้ำมันดีเซลในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 12 สิงหาคม 2565 เพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 3.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน 

 

ขณะที่ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น 56,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 5.18 ล้านบาร์เรลต่อวัน 


ด้านค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.01 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 35.6742 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.23 บาท/ลิตร และต้นทุนน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 1.30 บาทต่อลิตรลิตร ส่งผลต่อค่าการตลาดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของน้ำมันกลุ่มเบนซิน และน้ำมันดีเซล อยู่ที่ระดับ 1.58 บาทต่อลิตร

 

ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2565 กองทุนน้ำมันฯ มีสินทรัพย์รวม 15,608 ล้านบาท หนี้สินกองทุนฯ 133,618 ล้านบาท 

 

ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ-118,010 ประกอบด้วย

 

  • บัญชีน้ำมัน -76,741 ล้านบาท 

 

  • บัญชี LPG -41,269 ล้านบาท