คลังรื้อเกณฑ์ลดหย่อนภาษี คลอด 'TISA' หนุนการออม เริ่ม 1 ม.ค.นี้

08 ธ.ค. 2568 | 09:46 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ธ.ค. 2568 | 09:53 น.

คลังปรับเกณฑ์ลดหย่อนภาษีเป็น 8 แสนบาท ให้รายได้ต่ำ 1.5 ล้านบาท/ปี ผ่าน ‘TISA' เริ่ม 1 ม.ค.69 ระบุไม่มีวันหมดอายุ หนุนการออม

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจวันนี้ (8 ธ.ค.2568) ได้มีการพิจารณาถึงมาตรการเศรษฐกิจในเสาที่ 5 ซึ่งเป็นเรื่องของการส่งเสริมออม เพื่อเพิ่มโอกาสการออมและความมั่นคงทางการเงิน และเป็นการรองรับการเข้าสู่สังคมสูงอายุ ผ่านมาตรการบัญชีการออมการลงทุนส่วนบุคคล Thailand IndividualSavings Account หรือ TISA

“หัวใจสำคัญคือ ไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุ เราจะเพิ่มวงเงินลดหย่อนให้เป็น 800,000 บาทโดยไม่ต้องมาขอปีต่อปี และให้คนที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท ได้ลดหย่อนเพิ่มขึ้นโดยออมได้ 1.3 เท่า ซึ่งปัจจุบันคนส่วนใหญ่ประมาณ 11.4 ล้านคนจะได้ประโยชย์จากส่วนนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมคนไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุ และสามารถมีแหล่งระดมเงินออมมากขึ้น” 

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการ TISA เป็นการออมและการลงทุนส่วนบุคคล เพื่อสนับสนุนการออมระยะยาวสำหรับการเกษียณอายุ โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นผู้เสนอแนวคิดนี้ มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงสิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน

สำหรัย TISA จะขยายขอบเขตเครื่องมือการลงทุนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น ตราสารหนี้ ตราสารทุน และการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ รวมถึง การยกเลิกการกำหนดอายุโครงการ เพื่อลดการบิดเบือนของตลาด และให้ผู้มีเงินได้สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม 

“ความแตกต่างที่สำคัญของ TISA เมื่อเทียบกับมาตรการส่งเสริมการออมระยะยาวในอดีต (เช่น LTF) คือ TISA จะไม่กำหนดอายุโครงการ ระยะเวลาดำเนินการตามมาตรการนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป เนื่องจากโครงการมีลักษณะยาวตลอดไป จึงช่วยให้ผู้ลงทุนไม่กังวลว่าโครงการจะหมดอายุ และป้องกันไม่ให้เกิดปรากฏการณ์ที่ผู้คนเร่งเทขายหน่วยลงทุนเมื่อใกล้สิ้นสุดอายุโครงการ ซึ่งจะช่วยลดการบิดเบือนของตลาดได้”

กลุ่มเป้าหมายคือผู้มีเงินได้ที่ต้องการออมระยะยาวเพื่อการเกษียณ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจและผู้ให้บริการด้านตลาดทุนที่เกี่ยวข้อง มาตรการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการออมของคนชนชั้นกลาง ที่อยู่ในระบบภาษี และให้ความสำคัญกับการไม่ให้เงินลงทุนลดลง

“มาตรการ TISA นี้มีความยืดหยุ่นในการเลือกลงทุนอย่างมาก ผู้ลงทุนสามารถเลือกเครื่องมือการลงทุนได้หลากหลายประเภท ซึ่งแตกต่างจากมาตรการเดิม โดยครอบคลุมทั้งการลงทุนในลักษณะที่เคยลงทุนอยู่เดิม หรือเพิ่มเครื่องมือที่เน้นการออมเพื่อการเกษียณ เช่น ตราสารหนี้ ตราสารทุน หน่วยลงทุน หรือที่สำคัญคือ ตราสารแสดงสิทธิ์ในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Repository)”

ทั้งนี้ ตราสารแสดงสิทธิ์ในหลักทรัพย์ต่างประเทศดังกล่าวรวมถึงกองทุนรวมที่มีการซื้อขายหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ เช่น Exchange Traded Fund (ETF) หรือแม้แต่การลงทุนในหุ้นต่างประเทศขนาดใหญ่ เช่น Nvidia หรือ Tesla โดยผ่านกองทุนที่ซื้อขายตราสารแสดงสิทธิ์ดังกล่าวได้ การเปิดกว้างนี้เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนได้อย่างเหมาะสมและหลากหลาย ตามระดับความเสี่ยงที่ตนเองสามารถรับได้