KEY
POINTS
นางสาวเด่นดาว โกมลเมศ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินการร่วมกับ DayOne Data Centers ในโครงการ Chonburi Tech Park 2 โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายศักยภาพของแคมปัสสู่กำลังไฟฟ้ารวม 1 กิกะวัตต์
รวมถึงการขยายโครงการ Chonburi Tech Park 1 ที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจะช่วยยกระดับแคมปัสให้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย
นอกจากนี้ Day One ยังได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเอกชน (Private User Power Purchase Agreement: PPA) กับบริษัท อมตะ บี.กริม รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์ยี่ หรือ AMBRE เพื่อจัดหาพลังงานแสงอาทิตย์หมุนเวียนกำลังผลิต 42.5 เมกะวัตต์ ให้กับแคมปัสศูนย์ข้อมูล Day One โดยจะเชื่อมต่อผ่านระบบสายส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อช่วยลดการปล่อยคาร์บอนของแคมปัสอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2568 บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% จากปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิที่ 26% เนื่องจากการโอนที่ดินรวม 677 ไร่ แบ่งเป็นในไทย 663 ไร่ และเวียดนาม 14 ไร่ รวมถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโต
ส่วนผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 10,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วม 690 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้น 2,108 ล้านบาท เติบโตโดดเด่น 44% เนื่องจากธุรกิจพัฒนาที่ดินนิคมอุตสาหกรรมมีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและผู้ประกอบการจากต่างประเทศ
“ยอดโอนที่ดินปีนี้เติบโตเด่นมาก อยู่ที่ 5,797 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมียอดโอนที่ดินสะสม 9 เดือน รวม 1,127 ไร่ เพิ่มจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทยังมี Backlog สูงถึง 22,307 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในปีนี้และปีถัดไป ถือเป็นฐานรายได้ที่มั่งคงในระยะยาวของกลุ่มอมตะ”
ด้านธุรกิจสาธารณูปโภคและบริการมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,362 ล้านบาท ลดลงราว 15% ซึ่งถือว่ามีแนวโน้มดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งแรกของปี ส่วนธุรกิจโรงงานให้เช่า (RBF) ยังแข็งแรง โดยมีรายได้ค่าเช่าเพิ่มเป็น 773 ล้านบาท เติบโต 16% จากพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้น สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยอยู่ที่ 690 ล้านบาท โดยหลักมาจากกลุ่มโรงไฟฟ้า Amata B.Grimm Power 74% และธุรกิจก๊าซธรรมชาติ Amata NGD 21%
ขณะที่สถานะงบทางการเงินวันที่ 30 กันยายน 2568 อมตะมีสินทรัพย์รวม 68,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากสิ้นปีก่อน โดยหลักประกอบด้วยสินทรัพย์ต้นทุนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วน 55% ของสินทรัพย์รวม ขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ระดับ 1.38 เท่า ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการทางการเงิน ขณะที่บริษัทยังขยายการลงทุนใหม่ รวมถึงการขยายสาธารณูปโภคและดิจิทัลอินฟราสตรักเจอร์ให้รองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายโอซามู ซูโด รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การตลาด AMATA กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังคงชะลอตัวจากไตรมาสก่อน แต่กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยมียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุน 9 เดือนแรกสูงถึง 1.37 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% ซึ่งเป็นข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) โดยมีนักลงทุนจากสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่นเป็นหลัก
“แม้ว่าความต้องการที่ดินสำหรับพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์จะเป็นส่วนที่เติบโตเร็วที่สุด แต่โฟกัสของเรายังคงอยู่ทั้งด้านการผลิตไฮเทคและดาต้าเซ็นเตอร์ เราได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ผลิตระดับโลก ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ (Hyperscale) และผู้ให้บริการด้าน AI โดยเฉพาะรายที่ต้องการใช้พลังงานจำนวนมากและให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด อมตะมีความพร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ครบถ้วน ระบบไฟฟ้าที่เชื่อถือได้ และที่ดินที่สามารถขยายรองรับความต้องการในอนาคตได้”