KEY
POINTS
ภายหลัง ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 เผยแพร่ประกาศ เรื่อง เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญรัตนาภรณ์ ของนางสาวจุฑาทิพย์ วิลาด โดยระบุว่า เนื่องจากมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งในการที่จะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญรัตนาภรณ์นั้น
ล่าสุดฐานเศรษฐกิจ ได้ตรวจสอบข้อมูลด้านธุรกิจของ นางสาวจุฑาทิพย์ วิลาด จากฐานข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ตามข้อมูล ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 พบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการถือหุ้นของนางสาวจุฑาทิพย์ วิลาด โดยเข้าไปถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ อย่างน้อย 2 แห่ง ซึ่งปัจจุบันอยู่ในฐานฟื้นฟูกิจการและร้างไปแล้ว ดังนี้
บริษัทแรก คือ บริษัท นิวเจน แอร์เวย์ส จำกัด จดทะเบียนตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 9 ก.ค.2555 ด้วยทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจสายการบิน “นิวเจนแอร์เวย์ส” เน้นเที่ยวบินจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน มีการให้บริการทั้งแบบปกติและแบบเช่าเหมาลำ แต่ได้แจ้งขอหยุดทำการบินไปแล้วเมื่อปี 2562 ปัจจุบันมีสถานภาพฟื้นฟูกิจการ โดยพบชื่อของนางสาวจุฑาทิพย์ วิลาด ถือหุ้นในบริษัทเป็นอันดับที่ 2 จำนวน 104,000 หุ้น หรือคิดเป็น 26%
สำหรับบริษัท นิวเจน แอร์เวย์ส จำกัด นั้น ได้ถูกศาลสั่งให้ฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2565 โดยข้อมูลงบการเงินนำส่งล่าสุดเมื่อปี 2562 พบว่า บริษัทมีสินทรัพย์รวมกว่า 1,013 ล้านบาท และมีหนี้สินรวม 3,509 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมนั้นอยู่ที่ 583 ล้านบาท สวนทางกับรายจ่ายรวม 2,566 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 2,051 ล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี บริษัทมีผลประกอบการที่เป็นกำไรและขาดทุนสลับกัน ดังนี้
ส่วนอีกบริษัท คือ บริษัท ไทย-อาฟริกา เฟรนชิฟ เทรดดิ้ง จำกัด จดทะเบียนตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2548 ด้วยทุนจดทะเบียน 15 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจการขายยานยนต์เก่าชนิดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรถกระบะรถตู้และรถขนาดเล็กที่คล้ายกัน โดยมีวัตถุประสงค์นำเข้า-ส่งออกรถยนต์ใช้แล้วไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
ปัจจุบันบริษัทมีสถานภาพร้าง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 โดยพบชื่อของนางสาวจุฑาทิพย์ วิลาด ถือหุ้นในบริษัทเป็นอันดับที่ 2 จำนวน 2,500 หุ้น หรือคิดเป็น 1.67%
สำหรับบริษัท บริษัท ไทย-อาฟริกา เฟรนชิฟ เทรดดิ้ง จำกัด มีข้อมูลงบการเงินนำส่งล่าสุดเมื่อปี 2566 พบว่า บริษัทมีสินทรัพย์รวม 6 ล้านบาท และมีหนี้สินรวม 21,820 บาท ขณะที่รายได้รวมนั้นอยู่ที่ 187,871 บาท ส่วนรายจ่ายรวมอยู่ที่ 1,054,247 บาท ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 866,375 บาท โดยเมื่อตรวจสอบผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี บริษัทมีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง ดังนี้