ราชกิจจาฯประกาศให้ ‘วรภัค ธันยาวงษ์’ สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี

24 ต.ค. 2568 | 00:52 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ต.ค. 2568 | 00:52 น.

ราชกิจจานุเบกษาประกาศให้ วรภัค ธันยาวงษ์ สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. 68 หลังขอลาออกจากตำแหน่ง

KEY

POINTS

  • ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ให้นายวรภัค ธันยาวงษ์ สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี
  • นายวรภัคได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
  • การสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีมีผลตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

เว็บไซด์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2568 หลังขอลาออกจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 340 ง เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องรัฐมนตรีลาออก มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ลงนาม

สำหรับประกาศฉบับดังกล่าวระบุว่า ด้วย นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม2568 

ความเป็นรัฐมนตรีของ นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2568 ตามความในมาตรา 170 (2)ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ประกาศ ณ วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ราชกิจจาฯประกาศให้ ‘วรภัค ธันยาวงษ์’ สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี

ก่อนหน้านี้ นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีมีข้อกล่าวหาเรื่องการเป็นตัวแทน (Nominee) เชื่อมโยงกับบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส (Finansia Syrus : FSS) ผ่าน Pilgrim Finansa ว่า ในปี 2564 เป็นการซื้อขายหุ้นตามปกติ ถูกต้องตามกฎหมาย และระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทุกประการ 

โดยมีผู้สนับสนุนทางการเงินที่มองเห็นว่าหุ้นที่ซื้อราคาไม่แพง ใช้เงินไม่เกิน 700 ล้านบาท เป็นการซื้อในรูปแบบ management buy out

หรืออีกนัยหนึ่งก็คือผู้บริหารที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารกิจการของบริษัทนั้น ๆ ซึ่งคือตนเอง และนายช่วงชัย (นะวงศ์) เห็นโอกาสในการซื้อหุ้นราคาเหมาะสม เพื่อมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทเติบโต และมีกำไรสูงขึ้น เพื่อราคาหุ้นที่ดีขึ้น และมีผู้สนับสนุนทางการเงินมองเห็นว่าหุ้นที่ซื้อมาราคาไม่แพง มีโอกาสเติบโตได้ คุ้มกับความเสี่ยงในการสนับสนุนทางการเงิน