KEY
POINTS
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 ตุลาคม 2568 ได้อนุมัติการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการคลังหลายตำแหน่ง รวมทั้งสิ้น 7 ราย โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้นำเรื่องเข้าสู่วาระการประชุม
หนึ่งในการโยกย้ายสำคัญคือ นายปิ่นสาย สุรัสวดี ซึ่งถูกย้ายจากตำแหน่ง อธิบดีกรมสรรพากร ไปดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ ตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ถูกแทนที่ด้วย นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ที่เพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ "อธิบดีกรมศุลกากร" เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 หรือ เพียง 7 วันเท่านั้น
กรณีการโยกย้ายนายปิ่นสาย ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้เกิดกระแสวิจารณ์ถึงเหตุผลเบื้องหลัง
อย่างไรก็ตาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ยอมรับว่า "ไม่ได้ดูที่ชื่อ" ขณะที่รองนายกฯเอกนิติ ได้กล่าวสั้น ๆ ปฏิเสธว่า "การย้ายไม่ได้เป็นเพราะนามสกุล และระบุว่าถือเป็นเรื่องปกติของการเติมเต็มตำแหน่ง"
ปิ่นสายเป็นบุตรชายคนโตของ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมีน้องชายคือ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ
สิ่งที่น่าสนใจคือการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีถึง 3 ใบ ในสาขาที่เกี่ยวข้องต่อการบริหารการคลังและภาษี 1. เศรษฐศาสตรบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2536) 2. นิติศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง (พ.ศ. 2545) และ 3. บัญชีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (พ.ศ. 2557)
นอกจากนี้ เขายังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท Master of Science in Economics จาก University of Glasgow ประเทศสกอตแลนด์ ในปี พ.ศ. 2538 และผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรสำคัญ เช่น หลักสูตรเสนาธิการทหาร รุ่นที่ 55 (พ.ศ. 2557)
นายปิ่นสาย เป็นผู้ที่เติบโตมาจากสายตรงของกรมสรรพากร (ลูกหม้อ) ประสบการณ์ที่หลากหลายของเขาได้หล่อหลอมให้เป็น ผู้เชี่ยวชาญในด้านการวางแผนยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน กลุ่มธุรกรรมทางการเงินและการธนาคาร
ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในยุค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้มีมติ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายปิ่นสาย สุรัสวดี รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นอธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่ โดยนายปิ่นสายได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567
ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ของ นายปิ่นสายในฐานะอธิบดีกรมสรรพากร กรรมการ บมจ.ธนาคารกรุงไทย และกรรมการ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ระบุนายปิ่นสาย แจ้งมีทรัพย์สิน 400,481,933 บาท ขณะที่บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน 511,304 บาท
ในช่วงก่อนการโยกย้ายล่าสุด เขาเคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง
"ผมเป็นลูกหม้อกรมสรรพากร เป้าหมายคือต้องการเป็นอธิบดี ไม่ว่าจะเป็นได้นานเท่าไร แค่ 1 วันก็ถือว่าได้เป็นแล้ว"
นี่คือคำกล่าวของปิ่นสาย ที่เคยกล่าวเอาไว้กับสื่อมวลชนสายกระทรวงการคลัง
นายปิ่นสาย เคยให้สัมภาษณ์กับ วารสาร "เอกสารภาษีอากร" ฉบับเดือนมีนาคม 2568 ถึง “นโยบายจัดเก็บภาษีและมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการในยุค Digital Economy"
ตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ ปิ่นสายระบุว่า ก่อนมารับตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะคนกรมสรรพากรมีความตั้งใจจะมาแก้ปัญหาจากดิจิทัลดิสรัปชัน (Digital Disruption) รวมถึงดำเนินการเรื่องการรับมือกับบริบทของการจัดเก็บภาษีโลกที่เปลี่ยนแปลงให้แล้วเสร็จ แต่เมื่อมาเข้ามาทำงานจริง ๆ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ก็พบว่า เป้าหมายหลักสำคัญที่สุดต้องผลักดันให้สำเร็จก็คือ “การจัดเก็บภาษี” ด้วยจังหวะเวลาที่มารับตำแหน่งเป็นช่วงระยะที่เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัวไม่นาน
อีกทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ใช่ช่วงขาขึ้น ในขณะที่งบประมาณรายจ่ายปี 2568 ของรัฐบาลอยู่ที่ 3.752 ล้านล้านบาท โดยเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 2568 อยู่ที่ 2.37 ล้านล้านบาท (เพิ่มขึ้นประมาณ 5% จากปี 2567)
ดังนั้นการจัดเก็บภาษีจึงเป็นงานเร่งด่วนที่ต้องผลักดันให้เป็นไปตามเป้าหมายเพื่อให้รัฐมีรายได้เพียงพอสำหรับการบริหารประเทศ
ขณะที่กระทรวงการคลังรายงานผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – สิงหาคม 2568) พบว่า กรมสรรพากร จัดเก็บรายได้รวม 2,017,692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54,344 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่จัดเก็บได้ 1,963,348 ล้านบบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.8% แต่ยังตำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 2,044,429 ล้านบาท จำนวน 26,737 ล้านบาท คิดเป็น 1.3%