KEY
POINTS
นับถอยหลังนโยบาย ‘คนละครึ่ง’ หลังรัฐบาลอนุทิน เตรียมปัดฝุ่นมาใช้เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วน ‘กระตุ้นเศษฐกิจ’ ในช่วงปลายปี 2568 ภายใต้ระยะเวลาการทำงาน 4 เดือนก่อนเดินหน้ายุบสภา เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่
ล่าสุดแหล่งข่าวจากพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า นโยบาย ‘คนละครึ่ง’ จะถูกเขียนไว้เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา เพื่อเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนมีเงินส่วนหนึ่งไว้จับจ่ายใช้สอยได้อย่างคล่องตัว เพราะหลายคนคุ้นเคยกับการใช้จ่ายเงินในลักษณะนี้มาแล้วในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา
เบื้องต้นการดำเนินโครงการ ‘คนละครึ่ง’ อาจทำเป็นเฟส ๆ โดยเฟสแรกจะดำเนินการทันทีหลังจากรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น ซึ่งขณะนี้ทีมเศรษฐกิจของว่าที่ครม.ชุดใหม่ กำลังพิจารณารายละเอียดของโครงการ และน่าจะเร่งนำเสนอต่อที่ประชุมครม.ได้ในทันที หากกระบวนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น
“นโยบาย คนละครึ่ง จะบรรจุลงเป็นหนึ่งใน นโยบายสำคัญด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฟสแรก วงเงินประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าน่าจะออกมาได้ภายในเดือนตุลาคม 2568 นี้เลย ส่วนเฟสสองคงต้องรอดูว่าจะมีเงินในกระเป๋าของรัฐบาลอีกเท่าไหร่แล้วค่อยมาตัดสินใจอีกครั้ง" แหล่งข่าวระบุ
สำหรับการดำเนินโครงการ ‘คนละครึ่ง’ ภายใต้รัฐบาลใหม่นั้น ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยภายหลังการหารือกับผู้บริหารของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) วันนี้ (15 กันยายน 2568) ว่า ขอให้ประชาชนกางกระเป๋ารอได้เลย ซึ่งในรายละเอียดของมาตรการคนละครึ่งนั้น จะให้ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นผู้ชี้แจงข้อมูลต่อไป
“เมื่อรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศเต็มตัว จะเร่งดำเนินการเรื่องนี้เร็วที่สุด” นายอนุทิน ระบุ
แหล่งข่าว ระบุว่า เบื้องต้นในการจัดทำโครงการ ‘คนละครึ่ง’ รัฐบาลใหม่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการจากเดิมเล็กน้อย โดยการกำหนดสัดส่วนคนละครึ่ง หรือ 50:50 นั่นคือรัฐบาลจะสมทบเงินให้ครึ่งหนึ่งและประชาชนจ่ายครึ่งหนึ่งสำหรับสินค้าและบริการที่กำหนด โดยครอบคลุมกลุ่มประชาชนทั่วไป
ส่วนประชาชนที่อยู่ในระบบภาษีจ่าย รัฐบาลจะเพิ่มวงเงินการจ่ายให้อีก 10% นั่นคือ 60:40 โดยรัฐบาลจะสมทบเงินให้ 60% ส่วนที่เหลือจะให้ผู้อยู่ในระบบภาษีจ่าย 40% สำหรับสินค้าและบริการที่กำหนด
ขณะที่รายละเอียดด้านวงเงินการใช้จ่ายต่อวัน คือ 150 บาทต่อวัน หรืออาจเพิ่มเป็น 200 บาทต่อวันหรือไม่นั้น ล่าสุดยังไม่ได้ข้อสรุป และยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด
เช่นเดียวกับการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งขณะนี้มีวงเงินที่จัดเตรียมไว้สองส่วน นั่นคืองบกลางปี 2568 ในช่วงเดือนสุดท้ายกันยายน 2568 และงบกลาง ปี 2569 ที่กันเงินเอาไว้กระตุ้นเศรษฐกิจ